เมนู

ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ถูกโจทโดยไม่เป็นธรรม ไม่ต้องเดือนร้อนด้วย
อาการทั้ง 5 นี้.

ผู้โจทย์โดยเป็นธรรมไม่ต้องเดือนร้อน


[508] พระอุบาลีทูลถามว่า ภิกษุผู้โจทก์โดยเป็นธรรม พึงถึงความ
ไม่เดือดร้อน ด้วยอาการเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอุบาลี. ภิกษุผู้โจทก์โดยเป็นธรรม
พึงถึงความไม่เดือดร้อน ด้วยอาการ 5 คือ :-
1. ท่านโจทโดยกาลอันควร ไม่ใช่โจทโดยกาลอันไม่ควร ท่านไม่
ต้องเดือดร้อน
2. ท่านโจทด้วยเรื่องจริง ไม่ใช่โจทด้วยเรื่องไม่จริง ท่านไม่ต้อง
เดือดร้อน
3. ท่านโจทด้วยคำสุภาพ ไม่ใช่โจทด้วยคำหยาบ ท่านไม่ต้อง
เดือดร้อน
4. ท่านโจทด้วยเรื่องประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่โจทด้วยเรื่องไม่
ประกอบด้วยประโยชน์ ท่านไม่ต้องเดือดร้อน
5. ท่านมีเมตตาจิตโจท ไม่ใช่มุ่งร้ายโจท ท่านไม่ต้องเดือดร้อน.
ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์โดยเป็นธรรม พึงถึงความไม่เดือดร้อนด้วย
อาการ 5 นี้ ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุแม้อื่นก็พึงสำคัญว่าควรโจท
ด้วยเรื่องจริง.

ผู้ถูกโจทโดยธรรมต้องเดือนร้อน


[509] พระอุบาลีทูลถามว่า ก็ภิกษุผู้ถูกโจทโดยธรรม พึงถึงความ
เดือดร้อนด้วยอาการเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ถูกโจทโดยธรรม
พึงถึงความเดือดร้อนด้วยอาการ 5 คือ:-
1. ท่านถูกโจทโดยกาลอันควร ไม่ใช่ถูกโจทโดยกาลอันไม่ควร ท่าน
ต้องเดือดร้อน
2. ท่านถูกโจทด้วยเรื่องจริง ไม่ใช่ถูกโจทด้วยเรื่องไม่เป็นจริง ท่าน
ต้องเดือดร้อน
3. ท่านถูกโจทด้วยคำสุภาพ ไม่ใช่ถูกโจทด้วยคำหยาบ ท่านต้อง
เดือดร้อน
4. ท่านถูกโจทด้วยเรื่องประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ถูกโจทด้วย
เรื่องไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ท่านต้องเดือดร้อน
5. ท่านถูกโจทด้วยเมตตาจิต ไม่ใช่ถูกโจทด้วยมุ่งร้าย ท่านต้อง
เดือดร้อน.
ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ถูกโจทโดยธรรม พึงถึงความเดือดร้อนด้วยอาการ
5 นี้แล.

ผู้โจทก์พึงมนสิกาธรรม 5 ประการ


[510] พระอุบาลีทูลถามว่า ภิกษุผู้โจทก์ปรารถนาจะโจทผู้อื่น พึง
มนสิการธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ปรารถนาจะ
โจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม 5 อย่างไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น คือ :-
1. ความการุญ
2. ความหวังประโยชน์
3. ความเอ็นดู
4. ความออกจากอาบัติ
5. ความทำวินัยเป็นเบื้องหน้า.