เมนู

3. ท่านโจทด้วยคำหยาบ ไม่โจทด้วยคำสุภาพ ท่านต้องเดือดร้อน
4. ท่านโจทด้วยเรื่องไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่โจทด้วยเรื่อง
ประกอบด้วยประโยชน์ ท่านต้องเดือดร้อน
5. ท่านมุ่งร้ายโจท มิใช่มีเมตตาจิตโจท ท่านต้องเดือดร้อน
ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์โดยไม่เป็นธรรม พึงถึงความเดือดร้อน
ด้วยอาการ 5 นี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุแม้อื่น ไม่พึงสำคัญเรื่องที่
โจทด้วยคำเท็จ.

ผู้ถูกโจทโดยไม่เป็นธรรมไม่ต้องเดือดร้อน


[507] พระอุบาลีทูลถามว่า ก็ภิกษุผู้ถูกโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ไม่
ต้องเดือดร้อนด้วยอาการเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์โดยไม่เป็น
ธรรม ไม่ต้องเดือดร้อน ด้วยอาการ 5 คือ:-
1. ท่านถูกโจทโดยกาลไม่ควร ไม่ถูกโจทโดยกาลอันควร ท่านไม่
ต้องเดือดร้อน
2. ท่านถูกโจทด้วยเรื่องไม่จริง ไม่ได้ถูกโจทด้วยเรื่องจริง ท่านไม่
ต้องเดือดร้อน
3. ท่านถูกโจทด้วยคำหยาบ ไม่ถูกโจทด้วยคำสุภาพ ท่านไม่ต้อง
เดือดร้อน
4. ท่านถูกโจทด้วยเรื่องไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ได้ถูกโจทด้วย
เรื่องประกอบด้วยประโยชน์ ท่านไม่ต้องเดือดร้อน
5. ท่านถูกโจทด้วยมุ่งร้าย ไม่ถูกโจทด้วยเมตตาจิต ท่านไม่ต้อง
เดือดร้อน.

ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ถูกโจทโดยไม่เป็นธรรม ไม่ต้องเดือนร้อนด้วย
อาการทั้ง 5 นี้.

ผู้โจทย์โดยเป็นธรรมไม่ต้องเดือนร้อน


[508] พระอุบาลีทูลถามว่า ภิกษุผู้โจทก์โดยเป็นธรรม พึงถึงความ
ไม่เดือดร้อน ด้วยอาการเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอุบาลี. ภิกษุผู้โจทก์โดยเป็นธรรม
พึงถึงความไม่เดือดร้อน ด้วยอาการ 5 คือ :-
1. ท่านโจทโดยกาลอันควร ไม่ใช่โจทโดยกาลอันไม่ควร ท่านไม่
ต้องเดือดร้อน
2. ท่านโจทด้วยเรื่องจริง ไม่ใช่โจทด้วยเรื่องไม่จริง ท่านไม่ต้อง
เดือดร้อน
3. ท่านโจทด้วยคำสุภาพ ไม่ใช่โจทด้วยคำหยาบ ท่านไม่ต้อง
เดือดร้อน
4. ท่านโจทด้วยเรื่องประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่โจทด้วยเรื่องไม่
ประกอบด้วยประโยชน์ ท่านไม่ต้องเดือดร้อน
5. ท่านมีเมตตาจิตโจท ไม่ใช่มุ่งร้ายโจท ท่านไม่ต้องเดือดร้อน.
ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์โดยเป็นธรรม พึงถึงความไม่เดือดร้อนด้วย
อาการ 5 นี้ ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุแม้อื่นก็พึงสำคัญว่าควรโจท
ด้วยเรื่องจริง.

ผู้ถูกโจทโดยธรรมต้องเดือนร้อน


[509] พระอุบาลีทูลถามว่า ก็ภิกษุผู้ถูกโจทโดยธรรม พึงถึงความ
เดือดร้อนด้วยอาการเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า.