เมนู

พุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า เป็นทานอันเลิศ
เพราะเหตุนั้นแล คนผู้ฉลาด เมื่อเล็งเห็น
ประโยชน์ตน พึงสร้างวิหารอันรื่นรมย์ ให้
ภิกษุทั้งหลายผู้พหูสูตอยู่ในวิหารเถิด อนึ่ง
พึงมีน้ำใจเลื่อมใส ถวายข้าว น้ำ ผ้า และ
เสนาสนะอันเหมาะสมแก่พวกเธอ ในพวก
เธอผู้ซื่อตรง เพราะพวกเธอย่อมแสดงธรรม
อันเป็นเครื่องบรรเทาสรรพทุกข์แก่เขา
อันเขารู้ทั่วถึงแล้วจะเป็นผู้ไม่มีอาสวะ
ปรินิพพานในโลกนี้.

ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนาอนาถบิณฑิกคหบดี ด้วย
พระคาถาเหล่านี้แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะกลับไป.

เรื่องให้ภิกษุกำลังฉันค้างอยู่ลุกขึ้น


[272] สมัยนั้น มหาอำมาตย์ผู้หนึ่งเป็นสาวกของอาชีวกได้เลี้ยง
อาหารพระสงฆ์ ท่านพระอุปนันทศากยบุตรมาภายหลัง ได้ให้ภิกษุผู้นั่งใน
ลำดับลุกขึ้นทั้งที่กำลังฉันอาหารค้างอยู่ โรงอาหารได้เกิดโกลาหล จึงมหา
อำมาตย์ผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระ
ศากยบุตรมาทีหลัง จึงได้ให้ภิกษุผู้นั่งในลำดับลุกขึ้นทั้งที่ยังฉันอาหารค้างอยู่เล่า
โรงอาหารได้เกิดโกลาหลขึ้น ภิกษุผู้นั่งแม้ในที่อื่น จะพึงได้ฉันจนอิ่มอย่างไร
เล่า ภิกษุทั้งหลายได้ยินมหาอำมาตย์ผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนท่าน
พระอุปนันทศากยบุตรมาทีหลังจงได้ให้ภิกษุผู้นั่งในลำดับลุกขึ้น ทั้งที่ยังฉัน