เมนู

สองบทว่า อนฺตรา อโหสิ มีความว่า ธรรมกถา ได้เป็นเรื่อง
ขาดตอน คือ ได้ถูกเสียงนั้นกลบเสีย.
บทว่า อาพาธปฺปจฺจยา มีความว่า กระเทียมเป็นยาเพื่ออาพาธใด
เพราะปัจจัย คืออาพาธนั้น.
วินิจฉัยในข้อว่า ปสฺสาวปาทุกํ นี้ พึงทราบดังนี้:-
ภิกษุจะทำเขียงรองเหยียบ ด้วยอิฐก็ดี ด้วยศิลาก็ดี ด้วยไม้ก็ดี ควรอยู่.
แม้ในวัจจปาทุกา ก็มีนัยเหมือนกัน.
บทว่า ปริเวณํ ได้แก่ ร่วมในแห่งเครื่องล้อมแห่งเวจกุฎี.
ข้อว่า ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ มีความว่า ในวัตถุแห่งทุกกฏ
พึงปรับทุกกฏ ในวัตถุแห่งปาจิตตีย์ พึงปรับปาจิตตีย์.

[ว่าด้วยของโลหะเป็นต้น]


ของโลหะที่เขาทำไว้ เพื่อประหาร เรียกว่า เครื่องประหาร.
ความว่า คำว่า เครื่องประหารนั้น เป็นชื่อของสิ่งของที่นับว่าอาวุธ
ชนิดใดชนิดหนึ่ง, เราอนุญาตของโลหะทั้งปวงอื่น นอกจากเครื่องประหารนั้น.
ในคำว่า กตกญฺจ กุมฺภการิกญฺจ นี้ มีวินิจฉัยว่า เครื่อง
เช็ดเท่านั้น ได้กล่าวไว้แล้วแล.
กุฎีทำด้วยดินล้วน ดังกุฎีของพระธนิยะ เรียกว่า กุมภการิกา. คำที่
เหลือในที่ทั้งปวง ตื้นทั้งนั้น ฉะนั้นแล.
ขุททกวัตถุขันธกวรรณนา จบ

เสนาสนขันกะ *


เรื่องราชคหเศรษฐีถวายวิหาร


[198] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ
เวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้ทรงบัญญัติเสนาสนะแก่ภิกษุทั้งหลาย และ
ภิกษุเหล่านั้นก็อยู่ในที่นั้น ๆ คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำเขา ป่าช้า
ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง ภิกษุเหล่านั้นออกจากที่อยู่นั้น ๆ คือ ป่า โคนไม้
ภูเขา ชอกเขา ถ้ำเขา ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง แต่เช้าตรู่ มีอาการ
เดินไปข้างหน้า ถอยกลับ แลเหลียว คู้แขน เหยียดแขน หน้าเลื่อมใส
มีจักษุทอดลง สมบูรณ์ด้วยอิริยาบถ.
[199] สมัยนั้น ราชคหเศรษฐีได้ไปสวนแต่เช้าตรู่ ได้แลเห็นภิกษุ
เหล่านั้นเดินออกจากที่อยู่นั้น ๆ คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำเขา
ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง แต่เช้าตรู่ มีอาการเดินไปข้างหน้า ถอยกลับ
แลเหลียว คู้แขน เหยียดแขน หน้าเลื่อมใส มีจักษุทอดลง สมบูรณ์ด้วย
อิริยาบถ ครั้นแล้วก็มีจิตเลื่อมใส จึงเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้น เรียนถามว่า
ท่านเจ้าข้า หากข้าพเจ้าสร้างวิหารถวาย พระคุณเจ้าจะอยู่ในวิหารของข้าพเจ้า
หรือไม่
ภิกษุเหล่านั้นตอบว่า ดูก่อนคหบดี พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้ทรง
อนุญาตวิหาร.
* ท่านว่ามี 100 เรื่อง แต่นับได้ถึง 175 เรื่อง ถ้ารวมเข้าคงได้จำนวนนั้น.