เมนู

ทำกรรมไม่ตามปฏิญาณ


[608] สมัยนั้นเเล พระฉัพพัคคีย์ทำกรรม คือ ตัชชนียกรรม
บ้าง นิยสกรรมบ้าง ปัพพาชนียกรรมบ้าง ปฏิสารณียกรรมบ้าง
อุกเขปนียกรรมบ้าง แก่ภิกษุทั้งหลายไม่ตามปฏิญาณ บรรดาภิกษุที่เป็น
ผู้มักน้อย....ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์
จึงได้ทำกรรมคือ ตัชชนียกรรมบ้าง นิยสกรรมบ้าง ปัพพาชนียกรรม
บ้าง ปฏิสารณียกรรมบ้าง อุกเขปนียกรรมบ้าง เเก่ภิกษุทั้งหลาย ไม่
ตามปฏิญาณเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ได้ยินว่าพระฉัพพัคคีย์ทำกรรม คือ ตัชชนียกรรมบ้าง นิยส-
กรรมบ้าง ปัพพาชนียกรรมบ้าง ปฏิสารณียกรรมบ้าง อุกเขปนียกรรม
บ้าง แก่ภิกษุทั้งหลาย ไม่ตามปฏิญาณ จริงหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน.... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา
รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กรรมคือ ตัชชนียกรรม
ก็ดี นิยสกรรมก็ดี ปัพพาชนียกรรมก็ดี ปฏิสารณียกรรมก็ดี อุกเขป-
นียกรรมก็ดี อันภิกษุไม่พึงทำแก่ภิกษุทั้งหลาย ไม่ตามปฏิญาณ รูปใด
ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ.

ทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรม


[609] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การทำตามปฏิญาณที่ไม่เป็นธรรม
อย่างนี้แล ที่เป็นธรรมอย่างนี้ การทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรมอย่างไร?

ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติปาราชิก ข้าพเจ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสส สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติสังฆาทิเสส การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติปาราชิก ข้าพเจ้าต้องอาบัติถุลลัจจัย สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติถุลลัจจัย การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณ ไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติปาราชิก ข้าพเจ้าต้องอาบัติปาจิตตีย์ สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติปาจิตตีย์ การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติปาราชิก ข้าพเจ้าต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติปาฏิเทสนียะ การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม

ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติปาราชิก ข้าพเจ้าต้องอาบัติทุกกฏ สงฆ์ปรับเธอ
ด้วยอาบัติทุกกฏ การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติปาราชิก ข้าพเจ้าต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติทุพภาสิต การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสส....
ภิกษุต้องอาบัติถุลลัจจัย...
ภิกษุต้องอาบัติปาจิตตีย์....
ภิกษุต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ....
ภิกษุต้องอาบัติทุกกฏ.....
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติทุพภาสิต ข้าพเจ้าต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติปาราชิก การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน

ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติทุพภาสิต ข้าพเจ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสส สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติสังฆาทิเสส การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่าท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติทุพภาสิต ข้าพเจ้าต้องอาบัติถุลลัจจัย สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติถุลลัจจัย การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรม
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่าท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติทุพภาสิต ข้าพเจ้าต้องอาบัติปาจิตตีย์ สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติปาจิตตีย์ การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรม
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุรูป
เดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่าท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติทุพภาสิต ข้าพเจ้าต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ สงฆ์ปรับ
เธอด้วยอาบัติปาฏิเทสนียะ การปรับอย่างนี้ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็น
ธรรม
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์ หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุ
รูปเดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่าท่าน
ข้าพเจ้ามิได้ต้องอาบัติทุพภาสิต ข้าพเจ้าต้องอาบัติทุกกฏ สงฆ์ปรับเธอ
ด้วยอาบัติทุกกฏ การปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ทำตามปฏิญาณไม่เป็นธรรม.

ทำตามปฏิภาณเป็นธรรม


[610] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การทำตามปฏิญาณเป็นธรรม
อย่างไร?
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์ หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุ
รูปเดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติปาราชิก เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ถูกละ
ท่าน ข้าพเจ้าต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาราชิก การ
ปรับอย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณเป็นธรรม
ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสส....
ภิกษุต้องอาบัติถุลลัจจัย....
ภิกษุต้องอาบัติปาจิตตีย์......
ภิกษุต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ....
ภิกษุต้องอาบัติทุกกฏ....
ภิกษุต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์ หรือภิกษุ 2-3 รูป หรือภิกษุ
รูปเดียว โจทเธอว่า ท่านต้องอาบัติทุพภาสิต เธอกล่าวอย่างนี้ว่า
ถูกละท่าน ข้าพเจ้าต้องอาบัติทุพภาสิต สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติทุพภาสิต
การปรับ อย่างนี้ ชื่อว่าทำตามปฏิญาณเป็นธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ทำตามปฏิญาณเป็นธรรม.

ระงับอธิกรณ์ด้วยเยภุยยสิกา


[611] สมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะถึงความวิวาทกัน ในท่ามกลางสงฆ์ กล่าวทิ่มแทงกันและกันด้วย
หอกคือปากอยู่ ไม่อาจเพื่อระงับอธิกรณ์นั้นได้ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่