เมนู

มานัตตารหภิกษุ


[463] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือน คือ เดือนหนึ่งรู้ปิดบังไว้ เดือน
หนึ่งไม่รู้ปิดบังไว้ เธอขอปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ 2 ตัว ปิดบัง
ไว้ 2 เดือนกะสงฆ์ สงฆ์ให้ปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ 2 ตัว ปิดบัง
ไว้ 2 เดือนแก่เธอ เมื่อเธอกำลังอยู่ปริวาส มีภิกษุรูปอื่นที่คงแก่เรียน
ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ฉลาด เฉียบแหลม
มีปัญญา มีความละอาย มีความรังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา มาหาเธอ
ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ภิกษุนี้ ต้องอาบัติอะไร ภิกษุนี้อยู่
ปริวาสเพื่ออาบัติอะไร ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่างนี้ว่า ท่าน ภิกษุนี้
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือน คือ เดือนหนึ่งรู้
ปิดบังไว้ เดือนหนึ่งไม่รู้ปิดบังไว้ เธอขอปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ
2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนกะสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส 2 เดือน เพื่อ
อาบัติ 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนแก่เธอ ท่าน ภิกษุนี้ต้องอาบัติเหล่านั้น
ภิกษุนี้อยู่ปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น เธอกล่าวอย่างนี้ว่าท่านทั้งหลาย การ
ให้ปริวาสเพื่อเดือนที่รู้ปิดบังไว้ ไม่ชอบธรรม ความชอบธรรมย่อมฟังขึ้น
ส่วนการให้ปริวาสเพื่อเดือนที่ไม่รู้ปิดบังไว้ ไม่ชอบธรรม ความไม่ชอบ
ธรรมย่อมฟังไม่ขึ้น ภิกษุเป็นผู้ควรมานัต เพื่อเดือนนั้น.
[ 464] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือน คือ เดือนหนึ่งระลึกได้ ปิดบัง

ไว้ เดือนหนึ่งระลึกไม่ได้ ปิดบังไว้ เธอขอปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ
2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนกะสงฆ์ สงฆ์ให้ปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ
2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนแก่เธอ เมื่อเธอกำลังอยู่ปริวาส มีภิกษุรูป
อื่นที่คงแก่เรียน ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา
ฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญา มีความละอาย มีความรังเกียจ ใคร่
ต่อสิกขา มาหา เธอถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้ต้อง
อาบัติอะไร ภิกษุรูปนี้อยู่ปริวาสเพื่ออาบัติอะไร ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่าง
นี้ว่า ท่าน ภิกษุรูปนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือน
คือ เดือนหนึ่งระลึกได้ ปิดบังไว้ เดือนหนึ่งระลึกไม่ได้ ปิดบังไว้ เธอ
ขอปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ 2 ด้วย ปิดบังไว้ 2 เดือนกะสงฆ์ สงฆ์
ได้ให้ปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนแก่เธอ
ท่าน ภิกษุนี้ต้องอาบัติเหล่านั้น ภิกษุนี้อยู่ปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น
ภิกษุรูปที่มานั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย การให้ปริวาสเพื่อเดือนที่
ระลึกได้ ปิดบังไว้ ชอบธรรม ความชอบธรรมย่อมฟังขึ้น ส่วนการ
ให้ปริวาสเพื่อเดือนที่ระลึกไม่ได้ ปิดบังไว้ ไม่ชอบธรรม ความไม่
ชอบธรรมย่อมฟังไม่ขึ้น ภิกษุเป็นผู้ควรมานัตเพื่อเดือนนั้น
[465] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือน คือ เดือนหนึ่งไม่สงสัย ปิดบัง
ไว้ เดือนหนึ่งสงสัย ปิดบังไว้ เธอขอปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ 2
ตัว ปิดบัง 2ไว้ 2 เดือนกะสงฆ์ สงฆ์ให้ปริวาส 2 เดือน เพื่ออาบัติ
2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนแก่เธอ เมื่อเธอกำลังอยู่ปริวาส มีภิกษุรูป

อื่น ที่คงแก่เรียน ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรง
มาติกา ฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญา มีความละอาย มีความรังเกียจ
ใคร่ต่อสิกขา มาหา เธอถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ภิกษุนี้ต้อง
อาบัติอะไร ภิกษุนี้อยู่ปริวาสเพื่ออาบัติอะไร ภิกษุเหล่านั้นตอบอย่างนี้
ว่า ท่าน ภิกษุนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือน คือ
เดือนหนึ่งไม่สงสัย ปิดบังไว้ เดือนหนึ่งสงสัย ปิดบังไว้ เธอขอปริวาส
2 เดือน เพื่ออาบัติ 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนกะสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส
2 เดือน เพื่ออาบัติ 2 ตัว ปิดบังไว้ 2 เดือนแก่เธอ ท่าน ภิกษุ
นี้ต้องอาบัติเหล่านั้น ภิกษุนี้อยู่ปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น ภิกษุรูปที่มา
นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย การให้ปริวาสเพื่อเดือนที่ไม่สงสัย
ปิดบังไว้ ชอบธรรน ความชอบธรรมย่อมฟังขึ้น ส่วนการให้ปริวาสเพื่อ
เดือนที่สงสัย ปิดบังไว้ ไม่ชอบธรรม ความไม่ชอบธรรมย่อมฟังไม่ขึ้น
ภิกษุเป็นผู้ควรมานัตเพื่อเดือนนั้น.

สงฆ์ให้สุทธันตปริวาส


[466] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลาย
ตัว เธอไม่รู้ที่สุดอาบัติ ไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึก
ที่สุดราตรีไม่ได้ สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุดราตรี จึงแจ้งแก่
ภิกษุทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว
ข้าพเจ้าไม่รู้ที่สุดอาบัติ ไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกในที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึก
ในที่สุดราตรีไม่ได้ สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุดราตรี ข้าพเจ้าจะ