เมนู

สงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี แล้วกล่าวคำเก็บมานัต ว่า
ดังนี้ ข้าพเจ้าเก็บมานัต มานัตเป็นอันเก็บแล้ว หรือกล่าวว่า
ข้าพเจ้าเก็บวัตร มานัตก็เป็นอันเก็บแล้ว.

พุทธานุญาตให้สมาทานมานัต


[367] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายออกจากพระนครสาวัตถี
ไปในที่นั้น ๆ แล้ว พวกภิกษุผู้ประพฤติมานัต สามารถชำระมานัต จึง
กราบทูลเรื่องนั้น แต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้สมาทานมานัต
ก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แล วิธีสมาทานมานัตพึงสมาทานอย่างนี้
อันภิกษุผู้ประพฤติมานัตนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง ห่มผ้าอุตรา-
สงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี แล้วกล่าวคำสมาทานว่าดังนี้
ข้าพเจ้าสมาทานวัตร มานัตเป็นอันสมาทานแล้ว หรือกล่าวคำ
สมาทานว่า ข้าพเจ้าสมาทานวัตร มานัตก็เป็นอันสมาทานแล้ว.
มานัตตจาริกวัตร จบ

เรื่องอัพภานารหภิกษุ


[368] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายผู้ควรอัพภาน ยินดีการ
กราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้
การนำที่นอนมาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้อง
เช็ดเท้า การรับบาตรจีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของปกตัตตะภิกษุ
ทั้งหลาย บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย .... ต่างก็เพ่งโทษติเตียน โพนทะ-
นาว่า ไฉน ภิกษุทั้งหลายผู้ควรอัพภานจึงได้ยินดีการกราบไหว้ การลุก
รับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำที่นอนมาให้
การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรจีวร
การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำของปกตัตตะภิกษุทั้งหลายเล่า แล้วกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม


[369] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์
ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถาม
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ภิกษุทั้งหลายผู้ควรอัพภาน
ยินดีการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะ
มาให้ การนำที่นอนมาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้ง
กระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรจีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของ
ปกตัตตะภิกษุทั้งหลาย จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า