เมนู

ก็เพราะเหตุที่ภิกษุเหล่านั้น ไม่อาจเปลื้องพระอริฏฐะผู้เกิดในตระกูล
พรานแร้งจากทิฏฐิอันเป็นบาปนั้นได้ ภิกษุเหล่านั้นจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม


[ 277] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์
ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถาม
พระอริฏฐะ ผู้เกิดในตระกูลพรานแร้งว่า ดูก่อนอริฏฐะ ได้ยินว่า เธอมี
ทิฏฐิอันเป็นบาปเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า เรารู้ทั่วถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงแสดงแล้ว โดยประการที่ตรัสว่า เป็นธรรมทำอันตราย ธรรมเหล่านั้น
หาอาจทำอันตรายแก่ผู้เสพได้จริงไม่ ดังนี้ จริงหรือ?
พระอริฏฐะทูลรับว่า ข้าพระพุทธเจ้ากล่าวอย่างนั้นจริง พระพุทธ
เจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้ารู้ถึงธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแล้ว โดยประการที่
ตรัสว่า เป็นธรรมทำอันตราย ธรรมเหล่านั้นหาอาจทำอันตรายแก่ผู้เสพ
ได้จริงไม่.

ทรงติเตียน


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ เพราะเหตุไร เธอจึง
เข้าใจธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนั้นเล่า เรากล่าวธรรมอันทำอันตรายไว้
โดยปริยายเป็นอันมากมิใช่หรือ และธรรมเหล่านั้นอาจทำอันตรายแก่ผู้เสพ

ได้จริง กามทั้งหลายเรากล่าวว่า มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความ
คับแค้นมาก โทษในกามทั้งหลายนี้มากยิ่งนัก กามทั้งหลายเรากล่าวว่า
เปรียบเหมือนร่างกระดูก มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกาม
ทั้งหลายนี้มากยิ่งนัก กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อ....
กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือนคบหญ้า.... กามทั้งหลายเรากล่าวว่า
เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง..... กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือน
ความฝัน.... กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือนของยืม.... กามทั้งหลาย
เรากล่าวว่าเปรียบเหมือนผลไม้.... กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือน
เขียงสำหรับสับเนื้อ.... กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือนหอกและ
หลาว...... กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เปรียบเหมือนศีรษะงู มีทุกข์มาก
มีความคับแค้นมาก โทษในกามทั้งหลายนี้มากยิ่งนัก เมื่อเป็นเช่นนั้น
เธอชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยทิฏฐิที่ตนยึดถือไว้ผิด ชื่อว่าทำลายตนเอง และชื่อ
ว่าประสพบาปมิใช่บุญมาก ข้อนั้นแหละจักเป็นไปเพื่อความไม่เกื้อกูลเพื่อ
ทุกข์แก่เธอ ตลอดกาลนาน
ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส
ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง ของชุมชนที่เลื่อมใส
แล้ว.....ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล สงฆ์จงทำอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิ
อันเป็นบาปแก่ภิกษุอริฏฐะผู้เกิดในตระกูลพรานแร้ง คือ ห้ามสมโภคกับ
สงฆ์.

วิธีลงอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป


[278] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แล วิธีลงอุกเขปนียกรรม ฐาน
ไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป พึงทำอย่างนี้ คือ พึงโจทภิกษุอริฏฐะผู้เกิดใน
ตระกูลพรานแร้งก่อน ครั้นแล้วพึงให้เธอให้การ แล้วพึงปรับอาบัติ
ครั้นแล้วภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถ-
กรรมวาจาว่าดังนี้ :-

กรรมวาจาทำอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป


ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอริฏฐะผู้
เกิดในตระกูลพรานแร้ง มีทิฏฐิอันเป็นบาปเห็นปานนี้เกิด
ขึ้นว่าเรารู้ทั่วถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว
โดยประการที่ตรัสว่า เป็นธรรมทำอันตราย ธรรมเหล่านั้น
หาอาจทำอันตรายแก่ผู้เสพได้จริงไม่ ดังนี้เธอไม่ยอมสละ
ทิฏฐินั้น ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงทำ
อุกเขปนียกรรม ฐานไม่ละทิฏฐิอันเป็นบาปแก่ภิกษุอริฏฐะ
ผู้เกิดในตระกูลพรานแร้ง คือ ห้ามสมโภคกับสงฆ์ นี้เป็น
ญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอริฏฐะผู้
เกิดในตระกูลพรานแร้ง มีทิฏฐิอันเป็นบาปเห็นปานนี้เถิด
ขึ้นว่า เรารู้ทั่วถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว
โดยประการที่ตรัสว่า เป็นธรรมทำอันตราย ธรรมเหล่า