เมนู

ช้างเชือกนั้นสั่งช้างอีกเชือกหนึ่งทันทีว่า พนาย ผิฉะนั้น เจ้าจงถวาย
เง่าบัวและรากบัวแก่พระคุณเจ้า จนพอแก่ความต้องการ.
ช้างเชือกที่ถูกใช้นั้นลงสู่สระโบกขรณีมันทากินี จึงใช้งวงถอนเง่าบัว
และรากบัวล้างน้ำให้สะอาด ม้วนเป็นเห่อเข้าไปหาท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ทันใดนั้นท่านพระมหาโมคคัลลานะได้หายตัวไปที่ริมฝั่งสระโบกชรณีมันทากินี
มาปรากฏตัวทีพระวิหารเชตวัน เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลัง เหยียดแขนที่คู้
หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น แม้ช้างเชือกนั้นก็ได้หายไปตรงริมฝั่งสระโบกขรณี
มันทากินี มาปรากฏตัวที่พระวิหารเชตวัน ได้ประเคนเง่าบัวและรากบัวแก่
ท่านพระมหาโมคคัลลานะ แล้วหายตัวไปจากพระวิหารเชตวัน มาปรากฏตัวที่
ริมฝั่งสระโบกขรณีมันทากินี ลำดับนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะน้อมเง่าบัว
และรากบัวเข้าไปถวายท่านพระสารีบุตร เมื่อท่านพระสารีบุตรฉันเง่าบัวและ
รากบัวแล้ว โรคไข้ตัวร้อนก็หายทันที เง่าบัวและรากบัวยังเหลืออยู่มากมาย
ก็แลสมัยนั้นอัตคัดอาหาร ภิกษุทั้งหลายรับสิ่งของเล็กน้อยแล้วห้าม
เสียบ้าง พิจารณาแล้วห้ามเสียบ้าง เป็นอันว่าภิกษุสงฆ์ล้วนเป็นผู้ห้ามภัตรทั้ง
นั้น ภิกษุทั้งหลายรังเกียจไม่รับประเคน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอจงรับประเคนฉันเถิด เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตรแล้ว
ฉันโภชนะอันไม่เป็นเดน ซึ่งเกิดในป่า เกิดในสระบัว.

พระพทุธานุญาตผลไม้ที่ใช้เพราะพันธุ์ไม่ได้


[56] ก็โดยสมัยนั้นแล ในพระนครสาวัตถีมีของฉัน คือ ผลไม้เกิด
ขึ้นมาก แต่กัปปิยการกไม่มี ภิกษุทั้งหลายรังเกียจไม่ฉันผลไม้ จึงกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย เราอนุญาตให้ฉันผลไม้ที่ใช้เพาะพันธุ์ไม่ได้ หรือที่ปล้อนเมล็ดออก
แล้ว ยังมิได้ทำกัปปะก็ฉันได้.

พระพุทธบัญญัติห้ามทำสัตถกรรม


[57] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครสาวัตถี
ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพระนครราชคฤห์ เสด็จ
พระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับ ถึงพระนครราชคฤห์ ทราบว่า พระ
องค์ประทับอยู่ในพระเวฬุวันวิหารอันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต
เขตพระนครราชคฤห์นั้น คราวนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธเป็นโรคริดสีดวงทวาร
นายแพทย์ชื่ออากาสโคตตะกำลังทำการผ่าตัดทวารหนักด้วยศัสตรา ขณะนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินตามเสนาสนะ เสด็จไปถึงวิหารที่อยู่
ของภิกษุรูปนั้น นายแพทย์อากาสโคตตะได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จ
มาแต่ไกล ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขออาราธนาท่าน
พระโคดมเสด็จมาทอดพระเนตรวัจจมรรคของภิกษุรูปนี้ เหมือนปากคางคก.

ทรงประชุนภิกษุทั้งหลาย


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า โมฆบุรุษนี้เยาะเย้ยเรา
จึงเสด็จกลับจากที่นั้นแล แล้วรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ในวิหารหลังโน้น มีภิกษุอาพาธหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า มี พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปนั้นอาพาธเป็นอะไร ?