เมนู

พระเจ้าพิมพิสารตรัสว่า ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจักถวายคนทำการวัคแก่
พระคุณเจ้า.
ครั้งนั้น พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทรงรับปฏิญาณถวาย
คนทำการวัดแก่ท่านพระปิลินทวัจฉะดังนั้นแล้ว ทรงลืมเสีย ต่อนานมาทรง
ระลึกได้จึงตรัสถามหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชกิจทั้งปวงผู้หนึ่งว่า พนาย คนทำ
การวัดที่เราได้รับปฏิญาณจะถวายแก่พระคุณเจ้านั้น เราได้ถวายไปแล้วหรือ ?
มหาอำมาตย์กราบทูลว่า ขอเดชะ ยังไม่ได้พระราชทาน พระพุทธ
เจ้าข้า.
พระราชาตรัสถามว่า จากวันนั้นมานานกี่ราตรีแล้ว.
ท่านมหาอำมาตย์นับราตรีแล้วกราบทูลในทันใดนั้นแลว่า ขอเดชะ
500 ราตรี พระพุทธเจ้าข้า.
พระราชารับสั่งว่า พนาย ถ้าเช่นนั้น จงถวายท่านไป 500 คน ท่าน
มหาอำมาตย์รับพระบรมราชโองการว่าเป็นดังโปรดเกล้า ขอเดชะ แล้วได้จัด
คนทำการวัดไปถวายท่านพระปิลินทวัจฉะ 500 คน หมู่บ้านของคนทำการวัด
พวกนั้นได้ตั้งอยู่แผนกหนึ่ง คนทั้งหลายเรียกบ้านตำบลนั้นว่า ตำบลบ้าน
อารามิกบ้าง ตำบลบ้านปิลินทวัจฉะบ้าง.

นิรมิตมาลัยทองคำ


[86] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระปิลินทวัจฉะได้เป็นพระกุลุปกะ ใน
หมู่บ้านตำบลนั้น ครั้นเช้าวันหนึ่ง ท่านครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวร
เข้าไปบิณฑบาตยังตำบลบ้านปิลินทวัจฉะ สมัยนั้น ในตำบลบ้านนั้นมีมหรสพ
พวกเด็ก ๆ ตกแต่งกายประดับดอกไม้ล่นมหรสพอยู่ พอดี ท่านพระปิลินทวัจฉะ

เที่ยวบิณฑบาตไปทามลำดับในตำบลบ้านปิลินทวัจฉะ ได้เข้าไปถึงเรือนคน
ทำการวัคผู้หนึ่ง ครั้นแล้วนั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย.
ขณะนั้น ธิดาของสตรีผู้ทำการวัดนั้น เห็นเด็ก ๆ พวกอื่นตกแต่งกาย
ประดับดอกไม้แล้ว ร้องอ้อนว่า ขอจงให้ดอกไม้แก่ดิฉัน ขอจงให้เครื่องตก
แต่งกายแก่ดิฉัน.
ท่านเพระปิลินทวัจฉะจึงถามสตรีผู้ทำการวัดคนนั้นว่า เด็กหญิงคนนี้
ร้องอ้อนอยากได้อะไร ?
นางกราบเรียนว่า ท่านเจ้าข้า เด็กหญิงคนนี้เห็นเด็ก ๆ พวกอื่นตก
แต่งกายประดับดอกไม้ จึงร้องอ้อนขอว่า ขอจงให้ดอกไม้แก่ดิฉัน ขอจงไห้
เครื่องตกแต่งกายแก่ดิฉัน ดิฉันบอกว่า เราเป็นคนจนจะได้ดอกไม้มาจากไหน
จะได้เครื่องตกแต่งมาจากไหน ?
ขณะนั้น ท่านพระปิลินทวัจฉะหยิบขดหญ้าพวกหนึ่งส่งไห้แล้วกล่าวว่า
เจ้าจงสวมขดหญ้าพวงนี้ลงบนศีรษะเด็กหญิงนั้น ทันใดนั้นนางได้รับขดหญ้า
สวมลงที่ศีรษะเด็กหญิงนั้น ขดหญ้านั้น ได้กลายเป็นระเบียบดอกไม้ทองคำงาม
มากน่าดู น่าชม ระเบียบดอกไม้ทองคำเช่นนั้น แม้ในพระราชฐานก็ไม่มี.
คนทั้งหลายกราบทูลแด่พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชว่า ขอเดชะ
ระเบียบดอกไม้ทองคำที่เรือนของคนทำการวัดชื่อโน้นงามมาก น่าดู น่าชม
แม้ในพระราชฐานก็ไม่มี เขาเป็นคนเข็ญใจจะได้มาแค่ไหน เป็นต้องได้มาด้วย
โจรกรรมแน่นอน.
จึงท้าวเธอสั่งให้จองจำตระกูลคนทำการวัดนั้นแล้ว.
ครั้นเช้าวันที่ 2 ท่านพระปิลินทวัจฉะครองอันตรวาสกแล้วถือบาตร
จีวรเข้าไปบิณฑบาตถึงตำบลบ้านปิลินทวัจฉะ เมื่อเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับ

ตรอกในตำบลบ้านปิลินทวัจฉะได้เดินผ่านไปทางเรือนคนทำการวัดผู้นั้น ครั้น
แล้วได้ถามคนที่คุ้นเคยกันว่า ตระกูลคนทำการวัดไปไหนเสีย ?
คนพวกนั้นกราบเรียนว่า เขาถูกรับสั่งให้จองจำ เพราะเรื่องระเบียบ
ดอกไม้ทองคำ เจ้าข้า.
ทันใดนั้น ท่านพระปิลินทวัจฉะได้ เข้าไปสู่พระราชนิเวศน์ นั่งเหนือ
อาสนะที่เขาจัดถวาย.
ขณะนั้น พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช เสด็จเข้าไปหาท่าน
พระปิลินทวัจฉะ ทรงอภิวาทแล้วประทับเหนือพระราชอาสน์อันควรส่วนข้าง
หนึ่ง.
ท่านพระปิลินทวัจฉะได้ทูลถามพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ผู้
ประทับเรียบร้อยแล้วดังนี้ว่า ขอถวายพระพร ตระกูลคนทำการวัดถูกรับสั่งให้
จองจำด้วยเรื่องอะไร ?
พระเจ้าพิมพิสารตรัสตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า เพราะที่เรือนของเขา
มีระเบียบดอกไม้ทองคำอย่างงามมาก น่าชม แม้ที่ในวังก็ยังไม่มี เขาเป็นคน
จนจะได้มาแต่ไหน เป็นต้องได้มาด้วยโจรกรรมอย่างแน่นอน.
ขณะนั้น ท่านพระปิลินทวัจฉะได้อธิษฐานปราสาทของพระเจ้า
พิมพิสารจอมเสนามาคราชว่า จงเป็นทอง ปราสาทนั้นได้กลายเป็นทองไป
ทั้งหมด แล้วได้ถวายพระพรถามว่า ขอถวายพระพร ก็นี่ทองมากมายเท่านั้น
มหาบพิตรได้มาแค่ไหน.
พระเจ้าพิมพิสารตรัสว่า ข้าพเจ้าทราบแล้ว นี้เป็นอิทธานุภาพของ
พระคุณเจ้า ดังนี้ แล้วรับสั่งให้ปล่อยตระกูลคนทำการวัดนั้นพ้นพระราชอาญา
ไป.

พระพุทธานุญาตเภสัช 5


[47] ประชาชนทราบข่าวว่า ท่านพระปิลินทวัจฉะแสดงอิทธิ
ปาฏิหาริย์อันเป็นธรรมยวดยิ่งของมนุษย์ ในบริษัทพร้อมทั้งพระราชา ต่างพา
กันยินดีเลื่อมใสยิ่ง นำเภสัช 5 คือ เนยใส เนยข้น น้ามัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
มาถวายท่านพระปิลินทวัจฉะ แม้ตามปกติท่านก็ได้เภสัช 5 อยู่เสมอ ท่านจึง
แบ่งเภสัชที่ได้มาถวายแก่บริษัท แต่บริษัทของท่านเป็นผู้มักมาก เก็บเภสัชที่
ได้ ๆ มาไว้ในกระถางบ้าง ในหม้อน้ำบ้าง จนเต็ม บรรจุลงในหม้อกรองน้ำ
บ้าง ในถุงย่ามบ้าง จนเต็มแล้ว แขวนไว้ที่หน้าต่าง เภสัช เหล่านั้นก็เยิ้มซึม
แม้สัตว์จำพวกหนูก็เกลื่อนกล่นไปทั่ววิหาร คนทั้งหลายเดินเที่ยวชมไปตาม
วิหารพบเข้า ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า สมณะเชื้อสายศากยบุตร
เหล่านั้นมีเรือนคลังในภายใน เหมือนพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช
ฉะนั้น.
ภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุทั้งหลาย
จึงได้พอใจในความมักมากเช่นนี้ แล้ว กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุทั้งหลาย พอใจในความมักมากเช่นนี้ จริงหรืออ.
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงติเตียนว่า . . . ครั้นแล้วทรงทำธรร-
มีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า อนึ่ง มีเภสัชอันควรลิ้มของภิกษุผู้อาพาธ คือ
เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ภิกษุรับประเคนของนั้น แล้ว พึง