เมนู

ปัญญา เที่ยวไปด้วยกัน เป็นนักปราชญ์คอย
ช่วยเหลือกัน พึงเที่ยวไปคนเดียว ดุจพระ
ราชาทรงสละแว่นแคว้นคือราชอาณาจักร
และดุจช้างมาตังคะ ละฝูงเที่ยวไปในป่า
ฉะนั้น การเที่ยวไปคนเดียวดีกว่า เพราะคุณ
เครื่องเป็นสหายไม่มีในคนพาล พึงเที่ยวไป
คนเดียว และไม่พึงทำบาป ดุจช้างมาตังคะ
มีความขวนขวายน้อย เที่ยวไปในป่าแต่ลำพัง
ฉะนั้น.


เสด็จพาลกโลณการกคาม


[248] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังประทับอยู่ท่ามกลางสงฆ์
ตรัสพระคาถาเหล่านี้ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพาลกโลณการกคาม ก็
สมัยนั้นท่านพระภคุพักอยู่ที่บ้านพาลกโลณการกคาม ได้แลเห็นพระผู้มี
พระภาคเจ้ากำลังเสด็จพระพุทธดำเนินมาแค่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้จัดที่ประทับ
ตั้งน้ำล้างพระบาท ตั่งรองพระบาท กระเบื้องเช็ดพระบาท ไปรับเสด็จรับบาตร
จีวร พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งเหนือพุทธอาสนะที่จัดไว้ ครั้นแล้วให้ล้าง
พระยุคลบาท ฝ่ายท่านพระภคุถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งเฝ้าอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้แก่ท่านพระภคุผู้นั่งอยู่
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูก่อนภิกษุ เธอยังพอทนได้หรือ ยังพอให้อัตภาพ
เป็นไปได้หรือ เธอไม่ลำบากด้วยอาหารบิณฑบาตหรือ ?

ท่านพระภคุกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า ยังพอทนได้ ยังพอให้
อัตภาพเป็นไปได้ และพระพุทธเจ้าก็ไม่ลำบากด้วยอาหารบิณฑบาต
พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงชี้แจงให้ท่านพระภคุเห็นแจ้ง สมาทาน
อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถา แล้วเสด็จลุกจากที่ประทับ เสด็จพุทธดำเนิน
ไปทางปาจีนวังสทายวัน
ก็สมัยนั้น ท่านพระอนุรุทธะ ท่านพระนันทิยะ และท่านพระกิมพิละ
พักอยู่ที่ปราจีนวิ่งสทายวัน คนเฝ้าสวนได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จ
มาแต่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระ
สมณะ พระองค์อย่าเสด็จเข้ามาสู่สวนนี้ เพราะในสวนนี้มีกุลบุตรอยู่ 3 ท่าน
ต่างกำลังมุ่งประโยชน์ของตนอยู่ พระองค์อย่าได้ทำความไม่สำราญแก่พวกนั้น
เลย.
ท่านพระอนุรุทธะได้ยินเสียงคนเฝ้าสวน กำลังโต้ตอบอยู่กับพระผู้มี-
พระภาคเจ้า จึงได้บอกคนเฝ้าสวนว่า นายทายบาล ท่านอย่าห้ามพระผู้มี-
พระภาคเจ้าเลย พระองค์เป็นศาสดาของพวกเรา เสด็จมาถึงแล้วโดยลำดับ
ครั้นแล้วเข้าไปหาท่านพระนันทิยะ และท่านพระกิมพิละ ได้แจ้งความข้อนี้
แก่ท่านทั้งสองว่า จงรีบออกไปเถิด พวกท่าน จงรีบออกไปเถิด พวกท่าน
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ศาสดาของพวกเราเสด็จมาถึงแล้ว โดยลำดับ ท่านพระ
อนุรุทธะ ท่านพระนันทิยะ และท่านพระกิมพิละ จึงพากันลุกไปรับเสด็จพระผู้มี
พระภาคเจ้า รูปหนึ่งรับบาตรจีวรของพระผู้มีพระภาคเจ้า รูปหนึ่งปูอาสนะ
รูปหนึ่งตั้งน้ำล้างพระบาทตั่งรอง พระบาท กระเบื้องเช็คพระบาท พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าประทับ นั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่จัดไว้ ครั้นแล้วให้ล้างพระยุคลบาท

ท่านเหล่านั้นก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้าง
หนึ่ง ท่านพระอนุรุทธะนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า
อนุรุทธะพวกเธอยังพอทนได้หรือ ยังพอให้อัตภาพเป็นไปได้หรือ ไม่ลำบาก
ด้วยอาหารบิณฑบาตหรือ ?
พวกท่านพระอนุรุทธะกราบทูลว่า พวกข้าพระพุทธเจ้า ยังพอทนได้
ยังพอให้อัตภาพเป็นไปได้ และพวกข้าพระพุทธเจ้า ไม่ลำบากด้วยอาหาร
บิณฑบาต พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนพวกอนุรุทธะ ก็พวกเธอยังพร้อมเพรียงกัน ยังปรองดอง
กัน ไม่วิวาทกัน เป็นดุจน้ำนมสดกับน้ำ มองดูกันด้วยดวงตาอันเป็นที่รักอยู่
หรือ ?
อ. ข้าพระพุทธเจ้าเหล่านั้นยังพร้อมเพรียงกัน ยังปรองดองกัน ไม่
วิวาทกัน เป็นดุจน้ำนมสดกับน้ำ มองดูกันด้วยดวงตาอันเป็นที่รักอยู่ โดยส่วน
เดียว พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนพวกอนุรุทธะ พวกเธอพร้อมเพรียงกัน ปรองดองกัน ไม่
วิวาทกัน เป็นดุจน้ำนมสดกับน้า มองดูกันด้วยดวงตาอันเป็นที่รักอยู่ ด้วย
วิธีอย่างไรเล่า ?

สมัคคีธรรม


อ. พระพุทธเจ้าข้า ในข้อนี้ข้าพระพุทธเจ้ามีความติดอย่างนี้ว่า เป็น
ลาภของเราหนอ เราได้ดีแล้วหนอ ที่เราได้อยู่ร่วมกับเพื่อนสพรหมจารีเห็น
ปานนี้ ข้าพระพุทธเจ้านั้น ได้เข้าไปตั้งเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม
เมตตามโนกรรมไว้ในท่านเหล่านี้ ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ข้าพระพุทธเจ้านั้นมี
ความติดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ เราพึงวางจิตของตนให้เป็นไปตามอำนาจจิต