เมนู

ภาคเจ้าเป็นคำรบสามว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นเจ้าของ
แห่งธรรมได้โปรดทรงยับยั้งเถิด ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดทรงมีความ
ขวนขวายน้อย ประกอบสุขวิหารธรรมในปัจจุบันอยู่เถิด พวกข้าพระพุทธเจ้า
จักปรากฏด้วยความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง การวิวาทนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงพระดำริว่า โมฆบุรุษเหล่านี้หัวดื้อนักแล เราจะให้
โมฆบุรุษเหล่านี้เข้าใจกัน ทำไม่ได้ง่ายเลย ดังนี้ แล้วเสด็จลุกจากพระพุทธ-
อาสนะกลับไป.
ทีฆาวุภาณวาร ที่ 1 จบ

[246] ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสกแล้ว
ทรงถือบาตรจีวรเสด็จเข้าพระนครโกสัมพีเพื่อบิณฑบาต เสด็จเที่ยวบิณฑบาต
ที่พระนครโกสัมพีแล้ว ครั้นเวลาบ่าย เสด็จกลับจากบิณฑบาต ทรงเก็บเสนา
สนะถือบาตรจีวร ประทับยืนท่ามกลางพระสงฆ์ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ ว่า
ดังนี้:-

เวรุปสมคาถา


[247] ภิกษุมีเสียงดังเป็นเสียงเดียว
กัน จะได้สำคัญตัวว่า เป็นพาล ไม่มีเลย
สักรูปเดียว ยิ่งเมื่อสงฆ์แตกกัน ก็ไม่ได้
สำคัญเหตุอื่น ภิกษุทั้งหลายลืมติ สำคัญ
ตัวว่าเป็นบัณฑิต ช่างพูด เจ้าคาราม พูดไป
ตามที่ตนปรารถนาจะยื่นปากพูด ไม่รู้สึก
ว่าความทะเลาะเป็นเหตุชักพาไป.

ก็คนเหล่าใดจองเวรไว้ว่า คนโน้น
ด่าเรา ตีเรา ชนะเรา ได้ลักสิ่งของของเรา
ไป เวรของคนเหล่านั้นย่อมไม่สงบ ส่วนคน
เหล่าใดไม่จองเวรไว้ว่า ตนโน้น ด่าเรา ตีเรา
ชนะเรา ได้ลักสิ่งของของเราไป เวรของ
คนเหล่านั้นย่อมสงบ.
แต่ไหนแต่ไรมา เวรทั้งหลายในโลก
นี้ย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อมระงับ
เพราะไม่จองเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า.
ก็คนเหล่าอื่นไม่รู่สึกว่า พวกเรา
กำลังยับเยิน ณ ท่ามกลางสงฆ์นี้ ส่วนคน
เหล่าใด ในท่ามกลางสงฆ์นั้น รู้สึกเพราะ
ความรู้สึกของคนเหล่านั้น ความหมายมั่น
ย่อมระงับ.
คนเหล่าใดบั่นกระดูก ผลาญชีวิต
ลักทรัพย์ คือ โคและม้า คนเหล่านั้นถึง
ช่วงชิงแว่นแคว้นกัน ก็ยังคบทาสมาคมกัน
เหตุไฉนพวกเธอจึงคบหาสมาคมกันไม่ได้
เล่า.
ถ้าบุคคลพึงได้สหายมีปัญญา เที่ยว
ไปด้วยกัน เป็นนักปราชญ์คอยช่วยเหลือกัน
เขาครอบงำอันตรายทั้งปวงเสียได้ พึงพอใจ
มีสติเที่ยวไปกับสหายนั้น ถ้าไม่ได้สหายมี

ปัญญา เที่ยวไปด้วยกัน เป็นนักปราชญ์คอย
ช่วยเหลือกัน พึงเที่ยวไปคนเดียว ดุจพระ
ราชาทรงสละแว่นแคว้นคือราชอาณาจักร
และดุจช้างมาตังคะ ละฝูงเที่ยวไปในป่า
ฉะนั้น การเที่ยวไปคนเดียวดีกว่า เพราะคุณ
เครื่องเป็นสหายไม่มีในคนพาล พึงเที่ยวไป
คนเดียว และไม่พึงทำบาป ดุจช้างมาตังคะ
มีความขวนขวายน้อย เที่ยวไปในป่าแต่ลำพัง
ฉะนั้น.


เสด็จพาลกโลณการกคาม


[248] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังประทับอยู่ท่ามกลางสงฆ์
ตรัสพระคาถาเหล่านี้ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพาลกโลณการกคาม ก็
สมัยนั้นท่านพระภคุพักอยู่ที่บ้านพาลกโลณการกคาม ได้แลเห็นพระผู้มี
พระภาคเจ้ากำลังเสด็จพระพุทธดำเนินมาแค่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้จัดที่ประทับ
ตั้งน้ำล้างพระบาท ตั่งรองพระบาท กระเบื้องเช็ดพระบาท ไปรับเสด็จรับบาตร
จีวร พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งเหนือพุทธอาสนะที่จัดไว้ ครั้นแล้วให้ล้าง
พระยุคลบาท ฝ่ายท่านพระภคุถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งเฝ้าอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้แก่ท่านพระภคุผู้นั่งอยู่
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูก่อนภิกษุ เธอยังพอทนได้หรือ ยังพอให้อัตภาพ
เป็นไปได้หรือ เธอไม่ลำบากด้วยอาหารบิณฑบาตหรือ ?