เมนู

อุกเขปนียกรรมที่เป็นธรรม


[198] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เห็นอาบัติ
สงฆ์ หรือภิกษุหลายรูป หรือรูปเดียว โจทเธอว่า อาวุโส ท่านต้องอาบัติ
แล้ว ท่านเห็นอาบัตินั้น ไหม เธอพูดอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ผมไม่มีอาบัติ
ที่จะเห็น สงฆ์ยกเธอเสียฐานไม่เห็นอาบัติ ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำคืนอาบัติ สงฆ์ หรือภิกษุหลาย
รูป หรือรูปเดียว โจทเธอว่า อาวุโส ท่านต้องอาบัติแล้ว จงทำคืนอาบัติ
นั้น เธอพูดอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ผมไม่มีอาบัติที่จะทำคืน สงฆ์ยกเธอ
เสียฐานไม่ทำคืนอาบัติ ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้สละทิฏฐิลามก สงฆ์ หรือภิกษุ
หลายรูป หรือรูปเดียว โจทเธอว่า อาวุโส ท่านมีทิฏฐิลามก จงสละทิฏฐิ
ลามกนั้น เธอพูดอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ผมไม่มีทิฏฐิลามกที่จะสละ สงฆ์
ยกเธอเสียฐานไม่สละทิฏฐิลามก ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เห็นอาบัติ ทำคืนอาบัติ . . .
เป็นผู้เห็นอาบัติ และสละทิฏฐิลามก . . .
เป็นผู้ทำคืนอาบัติ และสละทิฏฐิลามก. . .
เป็นผู้เห็นอาบัติ ทำคืนอาบัติ และสละทิฏฐิลามก สงฆ์ หรือ ภิกษุ
หลายรูป หรือรูปเดียว โจทเธอว่า อาวุโส ท่านต้องอาบัติแล้ว ท่านเห็น
อาบัตินั้นไหม จงทำคืนอาบัตินั้น ท่านมีทิฏฐิลามก จงสละทิฏฐิลามกนั้น เธอ
พูดอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ผมไม่มีอาบัติที่จะเห็น ไม่มีอาบัติที่จะทำคืน
ไม่มีทิฏฐิลามกที่จะสละ สงฆ์ยกเธอเสียฐานไม่เห็นอาบัติ ฐานไม่คืนอาบัติ
และฐานไม่สละคืนทิฏฐิลามก ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม.

พระอุบาลีทูลถามปัพพาชนียกรรมเป็นต้น


[199] ครั้งนั้น ท่านพระอุบาลีเข้าไปในพุทธสำนัก ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลคำ
นี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า กรรมที่ควรทำในที่พร้อมหน้า แต่สงฆ์ผู้พร้อม
เพรียงกันกลับทำในที่ลับหลัง การกระทำนั้น ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย
หรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมไม่เป็น
ธรรมไม่เป็นวินัย.
อุ. สงฆ์พร้อมเพรียงกัน ทำกรรมที่ควรสอบถาม แต่ทำโดยไม่สอบ
ถาม. . . ทำกรรมที่ควรทำตามปฏิญาณ โดยมิได้ปฏิญาณ. . . ให้อมูฬหวินัย
แก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย. . . ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย. . .
ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยกากรรม . . . ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้
ควรตัชชนียกรรม. . . ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม. . . ทำ
ปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม . . . ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้
ควรปฏิสารณียกรรม. . . ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม. . . ชักภิกษุ
ผู้ควรปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม. . . ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม. . .
อัพภานภิกษุผู้ควรมานัต . . . ให้ภิกษุผู้ควรอัพภาน ให้อุปสมบทกุลบุตร การ
กระทำนั้น ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า
ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย
กรรมที่ควรทำในที่พร้อมหน้า แต่สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันกลับทำเสียในที่ลับหลัง
อย่างนี้แลอุบาลี ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้
สงฆ์ย่อมมีโทษ.