เมนู

อุกเขปนียกรรม


[175] ก็สมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายในเมืองจัมปา ทำกรรมเห็นปานนี้
คือ ทำกรรมเป็นวรรคโดยไม่เป็นธรรม ทำกรรมพร้อมเพรียงโดยไม่เป็นธรรม
ทำกรรมเป็นวรรคโดยธรรม ทำกรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม ทำกรรม
พร้อมเพรียงโดยเทียมธรรม ภิกษุรูปเดียวยกภิกษุรูปเดียวเสียบ้าง รูป
เดียวยกภิกษุ 2 รูปเสียบ้าง รูปเดียวยกภิกษุหลายรูปเสียบ้าง รูปเดียวยกสงฆ์
เสียบ้าง 2 รูปยกภิกษุรูปเดียวเสียบ้าง 2 รูปยกภิกษุ 2 รูปเสียบ้าง 2
รูปยกภิกษุหลายรูปเสียบ้าง 2 รูปยกสงฆ์เสียบ้าง หลายรูปยกภิกษุรูปเดียว
เสียบ้าง หลายรูปยกภิกษุ 2 รูปเสียบ้าง หลายรูปยกภิกษุหลายรูปเสียบ้าง
หลายรูปยกสงฆ์เสียบ้าง สงฆ์ต่อสงฆ์ยกกันเสียบ้าง บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มัก
น้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุทั้งหลายในเมืองจัมปา
จึงได้กระทำกรรมเห็นปานนี้เล่า คือ ทำกรรมเป็นวรรคโดยไม่เป็นธรรม . . .
สงฆ์ต่อสงฆ์ยกกันเสียบ้าง แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุทั้งหลายในเมืองจัมปาทำกรรมเห็นปานนี้ คือทำกรรมเป็นวรรคโดย
ไม่เป็นธรรม สงฆ์ต่อสงฆ์ยกกันเสียบ้าง จริงหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน. . . ครั้นแล้ว ทรงธรรมีกถารับสั่ง
ก็ภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-

กรรมที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้


[176] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมเป็นวรรคโดยธรรมใช้ไม่ได้
และไม่ควรทำ.