เมนู

ในพรรษาที่ 3 แต่พรรษานี้ไป ข้าพเจ้าถวายผ้านั้น ย่อมถึงแก่ภิกษุทั้งหลาย
ผู้จำพรรษาภายในพรรษานั้น. ถ้าภิกษุเหล่านั้นหลีกไปสู่ทิศเสียแล้ว ภิกษุอื่น
ผู้คุ้นเคยกัน จะรับแทน; พึงให้. ถ้าเหลืออยู่รูปเดียวเท่านั้น นอกจากนั้น
มรณภาพหมด ย่อมถึงแก่ภิกษุรูปเดียวนั่นแลทั้งหมด. ถ้าว่า แม้รูปเดียวก็
ไม่มี ย่อมเป็นของสงฆ์; ผ้านั้นภิกษุผู้พร้อมหน้ากัน พึงแจกกัน

ถวายจำเพาะ


ข้อว่า ถวายจำเพาะ มีความว่า เขาเจ้าจง คือกำหนดหมายถวาย.
ในบทว่า ยาคุยา เป็นอาทิ มีเนื้อความดังนี้.
เขาเจาะจงถวายในข้าวต้ม หรือข้าวสวย หรือของควรเคี้ยวหรือจีวร
หรือเสนาสนะ หรือเภสัช.
ในบทเหล่านั้น มีโยชนาดังนี้:-
ทายกนิมนต์ภิกษุด้วยข้าวต้มประจำวันนี้ หรือประจำวันพรุ่ง แล้วถวาย
ข้าวต้มแก่พวกเธอผู้เข้าสู่เรือนแล้ว ครั้นถวายเสร็จแล้ว เมื่อภิกษุทั้งหลายฉัน
ข้าวต้มแล้วจึงถวายว่า ข้าพเจ้าถวายจีวรเหล่านี้ แก่พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายผู้ฉัน
ข้าวต้มของข้าพเจ้า. จีวรนั้น ย่อมถึงแก่ภิกษุผู้ได้รับนิมนต์ ได้ฉันข้าวต้มแล้ว
เท่านั้น ส่วนข้าวต้มอันภิกษุเหล่าใดผู้ผ่านไปทางประตูเรือน หรือผู้เข้าไปสู่เรือน
ด้วยภิกขาจารวัตรจึงได้ หรือข้าวต้มที่ชนทั้งหลายนำบาตรของภิกษุเหล่าใดมา
จากอาสนศาลาแล้วนำไปถวาย, หรือข้าวต้มอันพระเถระทั้งหลายส่งไป เพื่อ
ภิกษุเหล่าใด ย่อมไม่ถึงแก่ภิกษุเหล่านั้น. แต่ถ้าว่าภิกษุแม้เหล่าอื่น กับภิกษุที่
ได้รับนิมนต์มากันมาก นั่งเต็มทั้งภายในเรือนและนอกเรือน หากทายกกล่าว
อย่างนี้ว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย จะเป็นผู้ได้รับนิมนต์ หรือไม่ได้รับนิมนต์
ก็ตาม ข้าวต้มข้าพเจ้าได้ถวายแล้ว แก่พระผู้เป็นเจ้าเหล่าใด ผ้าเหล่านี้ จง

เป็นของพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวงเหล่านั้น ดังนี้ ย่อมถึงทั่วกัน. ฝ่ายภิกษุเหล่าใด
ได้ข้าวต้ม จากมือพระเถระ ย่อมไม่ถึงแก่ภิกษุเหล่านั้น. ถ้าเขากล่าวว่า พระ-
ผู้เป็นเจ้าเหล่าใดฉันข้าวต้มของข้าพเจ้า ผ้าเหล่านี้ จงเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
เหล่านั้นจนทั่วกัน ดังนี้ ย่อมถึงทั่วกัน. แม้ในข้าวสวยและของควรเคี้ยว ก็
นัยนั้น แล.
บทว่า จีวเร วา มีความว่า ถ้าทายกผู้เคยถวายจีวรแก่ภิกษุทั้งหลาย
ซึ่งตนนิมนต์ให้จำพรรษาแม้ในกาลก่อน ให้ภิกษุฉันแล้วกล่าวว่า ในกาลก่อน
ข้าพเจ้าได้ถวายจีวรแก่พระผู้เป็นเจ้าเหล่าใด จีวรนี้ก็ดี เนยใส น้ำผึ้งและน้ำ
อ้อยเป็นต้นก็ดี จงเป็นของพระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นแล ทุกอย่างย่อมถึงแก่ภิกษุ
เหล่านั้น เท่านั้น.
บทว่า เสนาสเน วา มีความว่า เมื่อเขากล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าใด
อยู่ในที่อยู่หรือในบริเวณที่ข้าพเจ้าสร้าง ผ้านี้จงเป็นของพระผู้เป็นเจ้านั้น ย่อม
เป็นของภิกษุนั้นเท่านั้น.
บทว่า เภสชฺเช วา มีความว่า เมื่อเขากล่าวว่า พวกข้าพเจ้าถวาย
เภสัชมีเนยใสเป็นต้น แก่พระเถระทั้งหลายทุกเวลา เภสัชเหล่านั้น อันพระ
เถระเหล่าใดได้แล้ว; ผ้านี้จงเป็นของพระเถระเหล่านั้นเท่านั้น ดังนี้, ย่อมเป็น
ของพระเถระเหล่านั้นเท่านั้น.

ถวายแก่บุคคล


ข้อว่า ถวายแก่บุคคล มีความว่า เขาถวายลับหลังอย่างนี้ว่าข้าพเจ้า
ถวายจีวรนี้แก่ท่านผู้มีชื่ออย่างนี้ หรือวางไว้แทบบาทมูลถวายต่อหน้าอย่างนี้ว่า
ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าถวายจีวรนี้ แก่ท่านดังนี้ก็ดี. ก็ถ้าว่าเขากล่าวอย่างนี้ว่า
ข้าพเจ้าถวายจีวรนี้แก่ท่านด้วย แก่อันเตวาสิกทั้งหลายของท่านด้วย ดังนี้.
ย่อมถึงแก่พระเถระและเหล่าอันเตวาสิก. ภิกษุมาเพื่อเรียนอุทเทส และผู้เรียน