เมนู

สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งมีของใช้มาก มีบริขารมาก ได้ถึงมรณภาพ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลายเมื่อภิกษุถึงมรณภาพ สงฆ์เป็นเจ้าของบาตรจีวร แต่ภิกษุผู้พยาบาล
ไข้มีอุปการะมากเราอนุญาให้สงฆ์มอบไตรจีวรและบาตรให้แก่ภิกษุผู้พยาบาล
ไข้ บรรดาสิ่งของเหล่านั้น สิ่งใดเป็นลหุภัณฑ์ ลหุบริขาร สิ่งนั้นเราอนุญาต
ให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันแบ่ง บรรดาสิ่งของเหล่านั้น สิ่งใดเป็นครุภัณฑ์ ครุ
บริขาร สิ่งนั้นเป็นของสงฆ์ผู้อยู่ในจตุรทิศ ทั้งที่มาแล้วและยังไม่มา ไม่ควร
แบ่ง ไม่ควรแจก.

เรื่องสมาทานติตถิยวัตรมีเปลือยกายเป็นต้น


[168] ก็โดยสมัยนั่นแล ภิกษุรูปหนึ่งเปลือยกายเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้า แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพรรณนาคุณแห่งความมักน้อย ความสันโดษ ความ
ขัดเกลา ความกำจัดอาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร
โดยอเนกปริยาย การเปลือยกายนี้ ย่อมเป็น ไปเพื่อความมักน้อย ความสันโดษ
ความขัดเกลา ความกำจัดอาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความ
เพียร โดยอเนกปริยาย ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มี
พระภาคเจ้าจงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตการเปลือยกายแก่ภิกษุทั้งหลายด้วย
เถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การ
กระทำของเธอนั้นไม่สมควร. . . ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงได้สมาทานการ
เปลือยกายที่พวกเดียรถีย์สมาทานเล่า การกระทำของเธอนั้นไม่เป็นไปเพื่อ
ความเลื่อมใส ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . . ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่ง

กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสมาทานการเปลือยกายที่
พวกเดียรถีย์สมาทาน รูปใดสมาทานต้องอาบัติถุลลัจจัย.
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งนุ่งผ้าคากรอง . . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าเปลือกไม้
กรอง . . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าผลไม้กรอง . . . รูปหนึ่งนุ่งผ้ากัมพลทำด้วยผมคน. . .รูป
หนึ่งนุ่งผ้ากัมพลทำด้วยขนสัตว์. . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าทำด้วยปีกนกเค้า . . .รูปหนึ่งนุ่ง
หนังเสือ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพรรณนาคุณแห่งความมัก
น้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่
สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย หนังเสือนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความ
มักน้อย ความสันโดษ ความขัคเกลา ความกำจัดอาการที่น่าเลื่อมใส ความ
ไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ข้าพระพุทธเจ้าขอประ-
ทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตหนังเสือ-
แก่ภิกษุทั้งหลายด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำ
ของเธอนั่นไม่สมควร. . . ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงได้ทรงหนังเสืออันเป็น
ธงชัยของเดียรถีย์เล่า การกระทำของเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของ
ชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . . ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทรงหนังเสืออันเป็นธงชัยของเดียรถีย์ รูปใด
ทรง ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งนุ่งผ้าทำด้วยก้านดอกรัก. . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าทำ
ด้วยเปลือกปอ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพรรณนาคุณแห่งความมักน้อย ความ

สันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การ
ปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ผ้าทำด้วยเปลือกปอนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อ
ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมไส
การไม่สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย ข้าพระพุทธเจ้าขอประ-
ทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตผ้าทำ
ด้วยเปลือกปอแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำ
ของเธอนั่นไม่สมควร. . . ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงได้นุ่งผ้าทำด้วยเปลือก
ปอเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
เลื่อมใส. . .ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ภิกษุไม่พึงนุ่งผ้าทำด้วยเปลือกปอ รูปใดนุ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ.

พระฉัพพัคคีย์ทรงจีวรสีครามล้วนเป็นต้น


[169] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ทรงจีวรสีครามล้วน ทรง
จีวรสีเหลืองล้วน ทรงจีวรสีแดงล้วน ทรงจีวรสีบานเย็นล้วน ทรงจีวรสีดำ
ล้วน ทรงจีวรสีแสดล้วน ทรงจีวรสีชมพูล้วน ทรงจีวรที่ไม่ตัดชาย ทรงจีวร
มีชายยาว ทรงจีวรมีชายเป็นลายดอกไม้ ทรงจีวรมีชายเป็นแผ่น สวมเสื้อ
สวมหมวก ทรงผ้าโพก ประชาชนพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มี
พระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทรง
จีวรสีความล้วน ไม่พึงทรงจีวรสีเหลืองล้วน ไม่พึงทรงจีวรสีบานเย็นล้วน