เมนู

ชีวกโกมารภัจจ์ทูลรับสนองพระราชโองการว่า อย่างนั้นขอเดชะ ฯ
แล้วไปพระนครพาราณสี เข้าไปหาเศรษฐีบุตรชาวพระนครพาราณสี สังเกต
อาการที่ผิดแปลกของเศรษฐีบุตรชาวพระนครพาราณสี เชิญประชาชนให้ออก
ไปเสีย ขึงม่านมัดเศรษฐีบุตรไว้กับเสา ให้ภรรยาอยู่ข้างหน้า ผ่าหนังต้อง
นำเนื้องอกที่ลำไส้ออกแสดงแก่ภรรยาว่า เธอจงดูความเจ็บป่วยของสามีเธอ
ข้าวยาคูที่สามีเธอดื่มก็ดี ข้าวสวยที่สามีเธอรับประทานก็ดี ไม่ย่อย อุจจาระ
และปัสสาวะออกไม่สะดวก เพราะโรคนี้ สามีเธอนี้จึงซูบผอม เศร้าหมอง
มีผิวพรรณซูบซีดเหลืองขึ้น ๆ มีตัวสะพรั่งด้วยเอ็นดังนี้ แล้วตัดเนื้องอกใน
ลำไส้ออก สอดใส่ลำไส้กลับดังเดิม แล้วเย็บหนังท้องทายาสมานแผล ต่อมา
ไม่นานเท่าไรนัก เศรษฐีบุตรชาวพระนครพาราณสี ได้หายโรคแล้ว.
ครั้งนั้น เศรษฐีชาวพระนครพาราณสีคิดว่า บุตรของเราหายโรคพ้น
อันตรายแล้ว จึงให้รางวัลแก่ชีวกโกมารภัจจ์เป็นเงิน 16,000 กษาปณ์ ชีวก
โกมารภัจจ์รับเงิน 16,000 กษาปณ์นั้นเดินทางกลับมาสู่พระนครราชคฤห์ตาม
เดิม.

เรื่องพระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงประชวรโรคผอมเหลือง


[134] ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าจัณฑปัชโชตราชาในกรุงอุชเชนี
ทรงประชวรโรคผอมเหลือง นายแพทย์ที่ใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน มา
รักษาก็ไม่อาจทำให้โรคหาย ได้ขนเงินไปเป็นอันมาก ครั้งนั้น พระเจ้าจัณฑปัช-
โชตได้ส่งราชทูตถือพระราชสาสน์ ไปในพระราชสำนักพระเจ้าพิมพิสาร จอม
เสนามาคธราชมีใจความว่า หม่อมฉันเจ็บป่วยเป็นอย่างนั้น ขอพระราชทาน
พระราชวโรกาสขอพระองค์โปรดสั่งหมอชีวก เขาจักรักษาหม่อมฉัน พระ-
เจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช จึงได้ดำรัสสั่งชีวกโกมารภัจจ์ว่า ไปเถิด
พ่อชีวก เจ้าจงไปเมืองอุชเชนีรักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชต.

ชีวกโกมารภัจจ์ทูลรับสนองพระราชโองการ แล้วเดินทางไปเมือง
อุชเชนี เข้าไปในพระราชสำนัก แล้วเข้าเฝ้าพระเจ้าจัณฑปัชโชต ได้ตรวจอาการ
ที่ผิดแปลกของพระเจ้าจัณฑปัชโชต แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่ท้าวเธอว่า ขอ
เดชะ ฯ ข้าพระพุทธเจ้าจักหุงเนยใส พระองค์จักเสวยเนยใสนั้น.
พระเจ้าจัณฑปัชโชตรับสั่งห้ามว่า อย่าเลย นายชีวก ท่านเว้นเนยใสเสีย
อาจรักษาเราให้หายโรคได้ด้วยวิธีใด ท่านจงทำวิธีนั้นเถิด เนยใสเป็นของน่า
เกลียด น่าสะอิดสะเอียนสำหรับฉัน.
ขณะนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ได้มีความปริวิตกว่า พระเจ้าอยู่หัวพระองค์
นี้แลทรงประชวรเช่นนี้ เราเว้นเนยใสเสีย ไม่อาจรักษาพระองค์ให้หายโรคได้
เอาละเราควรหุงเนยใสให้มีสี กลิ่น รส เหมือนน้ำฝาด ดังนี้ แล้วได้หุง
เนยใสด้วยเภสัชนานาชนิด ให้มีสี กลิ่น รส เหมือนน้ำฝาด ครั้นแล้วฉุก
คิดได้ว่า เนยใสที่พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เสวยแล้ว เมื่อย่อย จักทำให้เรอ
พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ทรงเกรี้ยวกราด จะพึงรับสั่งให้พิฆาตเราเสียก็ได้ ถ้า
กระไรเราพึงทูลลาไว้ก่อน วันต่อมาจึงไปในพระราชสำนัก เข้าเฝ้าพระเจ้า
จัณฑปัชโชต แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่ท้าวเธอว่า ขอเดชะฯ พวกข้าพระพุทธเจ้า
ชื่อว่าเป็นนายแพทย์ จักถอนรากไม้มาผสมยาชั่วเวลาครู่หนึ่งเช่นที่ประสงค์นั้น
ขอประทานพระราชวโรกาส ขอฝ่าละอองธุลีพระบาท จงทรงมีพระราชโอง
การตรัสสั่งเจ้าพนักงานในโรงราชพาหนะและที่ประตูทั้งหลายว่า หมอชีวก
ต้องการไปด้วยพาหนะใด จงไปด้วยพาหนะนั้น ปรารถนาไปทางประตู
ใด จงไปทางประตูนั้น ต้องการไปเวลาใดจงไปเวลานั้น ปรารถนาจะเข้ามา
เวลาใด จงเข้ามาเวลานั้น พระเจ้าจัณฑปัชโชตจึงได้มีพระราชดำรัสสั่งเจ้าพนัก
งานในโรงราชพาหนะและที่ประตูทั้งหลาย ตามที่หมอชีวกกราบทูลขอพระ
ราชานุญาตไว้ทุกประการ.

ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าจัณฑปัชโชตมีช้างพังชื่อภัททวดี เดินทางได้
วันละ 50 โยชน์ หมอชีวกโกมารภัจจ์จึงได้ทูลถวายเนยใสนั้นแด่พระเจ้าจัณฑ-
ปัชโชตด้วยกราบทูลว่า ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจงเสวยน้ำฝาด ครั้นให้
พระเจ้าจัณฑปัชโชตเสวยเนยใสแล้วก็ไปโรงช้างหนีออกจากพระนครไปโดย
ช้างพังภัทวดี. ขณะเดียวกันนั้น เนยใสที่พระเจ้าจัณฑปัชโชตเสวยนั้นย่อย ได้
ทำให้ทรงเรอขึ้น พระเจ้าจัณฑปัชโชตจึงได้รับสั่งแก่พวกมหาดเล็กว่า พนายทั้ง
หลาย เราถูกหมอชีวกชาติชั่วลวงให้ดื่มเนยใส พวกเจ้าจงค้นจับหมอชีวกมา
เร็วไว.
พวกมหาดเล็กกราบทูลว่า หมอชีวกหนีออกจากพระนครไปโดยช้าง
พังภัททวดีแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.
ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าจัณฑปัชโชตมีมหาดเล็กชื่อกากะ ซึ่งอาศัยเกิด
กับอมนุษย์ เดินทางได้วันละ 60 โยชน์ พระเจ้าปัชโชตจึงดำรัสสั่งกากะมหาด
เล็กว่า พ่อนายกากะ เจ้าจงไปเชิญหมอชีวกกลับมา ด้วยอ้างว่า ท่านอาจารย์
พระเจ้าอยู่หัวรับส่งให้เชิญท่านกลับไป ขึ้นชื่อว่าหมอเหล่านี้แลมีมารยามาก
เจ้าอย่ารับวัตถุอะไร ๆ ของเขา.
ครั้งนั้น กากะมหาดเล็กได้เดินไปทันชีวกโกมารภัจจ์ ผู้กำลังรับ
ประทานอาหารมื้อเช้าในระหว่างทางเขตพระนครโกสัมพี จึงได้เรียนแก่ชีวก
โกมารภัจจ์ว่าท่านอาจารย์ พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้เชิญท่านกลับไป.
ชี. นายกากะ ท่านจงรออยู่เพียงชั่วเวลาที่เรารับประทานอาหาร
เชิญท่านรับประทานอาหารด้วยกันเถิด.
ก. ช่างเถิด ท่านอาจารย์ พระเจ้าอยู่หัวดำรัสสั่งข้าพเจ้าไว้ว่า นาย
กากะ ขึ้นชื่อว่าหมอเหล่านี้มีมารยามาก อย่ารับวัตถุอะไร ๆ ของเขา.

ทันใดนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ ได้แซกยาทางเล็บ พลางเคี้ยวมะขาม
ป้อมและดื่มน้ำรับประทาน แล้วได้ร้องเธอเชิญกากะมหาดเล็กว่า เชิญนาย
กากะมาเคี้ยวมะขามป้อมและดื่มน้ำรับประทานด้วยกัน กากะมหาดเล็กจึงคิดว่า
หมอคนนี้แลกำลังเคี้ยวมะขามป้อมและดื่มน้ำรับประทาน คงไม่มีอะไรจะให้
โทษ แล้วเคี้ยวมะขามป้อมครึ่งผล และดื่มน้ำรับประทาน มะขามป้อมครึ่ง
ผลที่เขาเคี้ยวนั้นได้ระบายอุจจาระออกมาในที่นั่งเอง.
ครั้งนั้น กากะมหาดเล็กได้เรียนถามชีวกโกมารภัจจ์ว่า ท่านอาจารย์
ชีวิตของข้าพเจ้าจะรอดไปได้หรือ ?
ชีวกโกมารภัจจ์ตอบว่า อย่ากลัวเลย พ่อนายกากะ ท่านจักไม่มี
อันตราย แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเกรี้ยวกราด จะพึงรับสั่งให้พิฆาตเราเสียก็ได้
เพราะเหตุนั้นเราไม่กลับละ แล้วมอบช้างพังภัททวดีแก่นายกากะ เดินทางไป
พระนครราชคฤห์รอนแรมไปโดยลำดับ ถึงพระนครราชคฤห์แล้วเข้าเฝ้าพร ะ
เจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช กราบทูล เรื่องราวนั้นให้ทรงทราบทุก
ประการ.
พระเจ้าพิมพิสารรับสั่งว่า พ่อชีวก เจ้าไม่กลับไปนั้นชื่อว่าได้ทำ
ถูกแล้ว เพราะพระราชาองค์นั้นเหี้ยมโหด จะพึงสั่งให้สำเร็จโทษเจ้าเสียก็ได้.
ครั้นพระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงหายประชวร ทรงส่งราชทูตไปที่สำนัก
ชีวกโกมารภัจจ์ว่า เชิญหมอชีวกมา เราจักให้พร.
ชีวกกราบทูลตอบไปว่า ไม่ต้องไปก็ได้ พระพุทธเจ้าข้า ขอใต้ฝ่า
ละอองธุลีพระบาทจงทรงโปรดอนุสรณ์ถึงความดีของข้าพระพุทธเจ้า.

พระราชทานผ้าสิไวยกะ


ก็โดยสมัยนั่นแล ผ้าสิไวยกะคู่หนึ่งบังเกิดแก่พระเจ้าจัณฑปัชโชต เป็น
ผ้าเนื้อดีเลิศ ประเสริฐ มีชื่อเด่น อุดม และเป็นเยี่ยมกว่าผ้าทั้งหลายเป็นอัน
มากตั้งหลายคู่ ทั้งหลายร้อยคู่ หลายพันคู่ หลายแสนคู่
ครั้งนั้น พระเจ้าจัณฑปัชโชต ทรงส่งผ้าสิไวยกะคู่นั้น ไปพระราชทาน
แก่ชีวกโกมารภัจจ์ ชีวกโกมารภัจจ์จึงได้มีความดำริว่าผ้าสิไวยกะนี้ พระเจ้า
จัณฑปัชโชตส่งมาพระราชทาน เป็นผ้าเนื้อดีเลิศ ประเสริฐ มีชื่อเด่น อุดม
และเป็นเยี่ยมกว่าผ้าทั้งหลายเป็นอันมาก ดังหลายคู่ ตั้งหลายร้อยคู่ หลายพันคู่
หลายแสนคู่ นอกจากพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
หรือพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชแล้ว ใครอื่นไม่ควรอย่างยิ่งเพื่อใช้ผ้า
สิไวยกะคู่นี้.

พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยพระโสถถ่าย


[ 35] ก็โดยสมัยนั้นแล พระกายของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมักหมม
ด้วยสิ่งอันเป็นโทษ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อน
อานนท์ กายของตถาคตหมักหมมด้วยสิ่งอันเป็นโทษ ตถาคตต้องการจะฉัน
ยาถ่าย.
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เดินไปหาชีวกโกมารภัจจ์ ครั้น ถึงแล้วได้
กล่าวคำนี้กะชีวกโกมารภัจจ์ว่า ท่านชีวก พระกายของพระตถาคตหมักหมม
ด้วยสิ่งอันเป็นโทษ พระตถาคตต้องการจะเสวยพระโอสถถ่าย ชีวกโกมารภัจจ์
กล่าวว่าพระคุณเจ้า ถ้าอย่างนั้น ขอท่านจงโปรดทำพระกายของพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าให้ชุ่มชื่นสัก 2 - 3 วัน.