เมนู

นายประตูนั้น จึงเดินออกมาหาชีวกโกมารภัจจ์ แล้วได้เรียนว่า ท่าน
อาจารย์ ภรรยาเศรษฐีพูดอย่างนี้ว่า ไม่ละ พ่อนายเฝ้าประตู หมอหนุ่ม ๆ จัก
ทำอะไรแก่ฉันได้ นายแพทย์ทิศาปาโมกข์ใหญ่ ๆ หลายคนมารักษา ก็ไม่
สามารถรักษาให้หาย ได้ขนเงินไปเป็นอันมาก.
ชี. พ่อนายเฝ้าประตู ท่านจงไปกราบเรียนภรรยาเศรษฐีว่า นาย
ขอรับ หมอสั่งมาอย่างนี้ว่า ขอนายอย่าเพิ่งให้อะไร ๆ ต่อเมื่อหายโรคแล้ว
นายประสงค์จะให้สิ่งใด จึงค่อยให้สิ่งนั้นเถิด
นายประตูรับคำชีวกโกมารภัจจ์ว่า เป็นอย่างนั้น ขอรับอาจารย์ ดังนั้น
แล้วเข้าไปหาภรรยาเศรษฐี ได้กราบเรียนว่า นายขอรับ หมอบอกข่าวมา
อย่างนี้ว่า ขอนายอย่าเพิ่งให้อะไร ๆ ก่อน ต่อเมื่อนายหายโรคแล้วประสงค์
จะให้สิ่งใด จึงค่อยให้สิ่งนั้นเถิด.
ภรรยาเศรษฐีสั่งว่า พ่อนายประตู ถ้าเช่นนั้นเชิญหมอมา.
นายประตูรับคำภรรยาเศรษฐีว่า อย่างนั้นขอรับ แล้วเข้าไปหาชีวก
โกมารภัจจ์ แล้วได้แจ้งให้ทราบว่า ท่านอาจารย์ ภรรยาเศรษฐีขอเชิญท่าน
เข้าไป.

เริ่มรักษาภรรยาเศรษฐี


ลำดับนั้นชีวกโกมารภัจจ์เข้าไปหาภรรยาเศรษฐี ครั้นแล้วตรวจดูความ
ผันแปรของภรรยาเศรษฐี แล้วได้กล่าวคำนี้แก่ภรรยาเศรษฐีว่า นายขอรับ
ผมต้องการเนยใสหนึ่งซองมือ ครั้นภรรยาเศรษฐีสั่งให้หาเนยใสหนึ่งซองมือ
มาให้ชีวกแล้ว ชีวกโกมารภัจจ์จึงหุงเนยใสหนึ่งซองมือนั้น กับยาต่าง ๆ ให้
ภรรยาเศรษฐีนอนหงายบนเตียง แล้วให้นัตถุ์ ขณะนั้นเนยใสที่ให้นัตถุ์นั้น
ได้พุ่งออกจากปาก ภรรยาเศรษฐีจึงถ่มเนยใสนั้นลงในกระโถน สั่งทาสีว่า แม่

สาวใช้จงเอาสำลีซับเนยใสนี้ไว้ ชีวกโกมารภัจจ์จึงได้คิดว่า แปลกจริงพวกเรา
แม่บ้านคนนี้ช่างสกปรก เนยใสนี้จำเป็นจะต้องทั้ง ยังใช้ให้ทาสีเอาสำลีซับไว้
ส่วนยาของเรามีราคาแพง ๆ มากกว่าปล่อยให้เสีย แม่บ้านคนนี้จักให้ขวัญข้าว
อะไรแก่เราบ้าง.
ขณะนั้นภรรยาเศรษฐีสังเกตรู้อาการอันแปลของชีวกโกมารภัจจ์ แล้ว
ได้ถามคำนี้แก่ชีวกโกมารภัจจ์ว่า อาจารย์ท่านแปลกใจอะไรหรือ ?
ชี. เวลานี้เรากำลังคิดอยู่ว่า แปลกจริงแม่บ้านคนนี้ช่างสกปรกเหลือ
เกิน เนยใสนี้จำเป็นจะต้องทิ้ง ยิ่งใช้ให้ทาสีเอาสำลีซับไว้ ส่วนยาของเรามี
ราคาแพง ๆ มากกว่าปล่อยให้เสีย แม่บ้านคนนี้จักให้ขวัญข้าวอะไรแก่เราบ้าง
ภ. อาจารย์ พวกดิฉันชื่อว่าเป็นคนมีเหย้าเรือน จำเป็นจะต้องรู้จัก
สิ่งที่ควรสงวน เนยใสนี้ยังดีอยู่จะใช้เป็นยาสำหรับทาเท้าพวกทาสหรือกรรมกร
ก็ได้ ใช้เป็นน้ำมันเติมตะเกียงก็ได้ อาจารย์ท่านอย่าได้คิดวิตกไปเลย ค่าขวัญ
ข้าวของท่านจักไม่ลดน้อย.
คราวนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ได้กำจัดโรคปวดศีรษะของภรรยาเศรษฐี ซึ่ง
เป็นมา 7 ปีให้หาย โดยวิธีนัตถุ์ ยาคราวเดียวเท่านั้น ครั้นภรรยาเศรษฐีหาย
โรคแล้ว ได้ให้รางวัลชีวกโกมารภัจจ์เป็นเงิน 4,000 กษาปณ์ บุตรเศรษฐี
ได้ทรามว่ามารดาของเราหายโรคแล้ว ได้ให้รางวัลเพิ่มอีก 4,000 กษาปณ์
บุตรสะใภ้ได้ทราบว่าแม่ผัวของเราหายโรคแล้ว ก็ได้ให้รางวัล 4,000 กษาปณ์
เศรษฐีคหบดีทราบว่าภรรยาของเราหายโรคแล้วได้เพิ่มรางวัลให้อีก 4,000
กษาปณ์ และให้ ทาส ทาสี รถม้าด้วย ชีวกโกมารภัจจ์จึงรับ เงิน 16000 กษาปณ์
กับทาส ทาสี และรถม้าเดินทางมุ่งไปพระนครราชคฤห์ ถึงพระนครราชคฤห์
โดยลำดับ เข้าเฝ้าเจ้าชายอภัย ครั้นแล้วได้กราบทูลว่าเงิน 16,000 กษาปณ์

กับทาส ทาสี และรถม้านี้เป็นการกระทำครั้งแรกของเกล้ากระหม่อม ขอให้
ฝ่าพระบาทจงทรงพระกรุณาโปรดรับด่าเลี้ยงดูเกล้ากระหม่อมเถิด พระเจ้าข้า.
พระราชกุมารรับสั่งว่า อยู่เลย พ่อชีวก ทรัพย์นี้จงเป็นของเจ้า
คนเดียวเถิด และเจ้าจงสร้างบ้านอยู่ในวังของเราเถิด.
ชีวกโกมารภัจจ์ทูลรับพระบัญชาเจ้าชายอภัยว่า เป็นพระกรุณายิ่งพระ
เจ้าข้า แล้วได้สร้างบ้านอยู่ในวังของเจ้าชายอภัย.

เรื่องพระเจ้าพิมพิสารทรงประชวรโรคริดสีดวงงอก


[131] ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชทรง
ประชวรโรคริดสีดวงงอก พระภูษาเบื้อนพระโลหิต พวกพระสนมเห็นแล้วพา
กันเย้ยหยันว่า บัดนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีระดู ต่อมพระโลหิตบังเกิดแก่พระองค์
แล้ว ไม่นานเท่าไรนัก พระองค์จักประสูติ พระราชาทรงเก้อเพราะคำเย้ยหยัน
ของพวกพระสนมนั้น ต่อมาท้าวเธอได้ตรัสเล่าความนั้นแก่เจ้าชายอภัยว่า พ่อ
อภัย พ่อป่วยเป็นโรคเช่นนั้นถึงกับภูษาเปื้อนโลหิต พวกพระสนมเห็นแล้ว
พากันเยย้หยันว่า บัดนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีระดู ย่อมพระโลหิตบังเกิดแก่พระ-
องค์แล้ว ไม่นานเท่าไรนัก พระองค์จักประสูติ เอาเถอะ พ่ออภัย เจ้าช่วยหา
หมอชนิดที่พอจะรักษาพ่อได้ให้ทีเถิด.
อ. ขอเดชะ นายชีวกผู้นี้เป็นหมอประจำข้าพระพุทธเจ้า ยังหนุ่ม
ทรงคุณวุฒิ เธอจักรักษาพระองค์ได้.
พ. พ่ออภัย ถ้าเช่นนั้นพ่อจงสั่งหมอชีวก เขาจักได้รักษาพ่อ.
ครั้งนั้นเจ้าชายอภัย สั่งชีวกโกมารภัจจ์ว่า พ่อชีวก เจ้าจงไป
รักษาพระเจ้าอยู่หัว ชีวกโกมารภัจจ์รับสนองพระบัญชาว่าอย่างนั้นพระเจ้าข้า
แล้วเอาเล็บตักยาเดินไปในราชสำนัก ครั้นถึงแล้วเข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารจอม