เมนู

แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่ท้าวเธอว่า ขอเดชะฯ พระนครเวสาลี เป็นบุรีที่มั่งคั่ง
กว้างขวาง มีคนมาก มีคนคับคั่ง และมีอาหารหาได้ง่าย มีปราสาท 7,707
หลัง มีเรือนยอด 7,707 หลัง มีสวนดอกไม้ 7,707 แห่ง มีสระโบกขรณี
7,707 สระ และมีนางอัมพปาลีหญิงงามเมืองผู้ทรงโฉมสคราญตาน่าเส้นหา
ประกอบด้วยผิวพรรณเฉิดฉาย ชำนาญในการฟ้อนรำ ขับร้องและประโคม
ดนตรี คนทั้งหลายประสงค์ต้องการพาตัวไปร่วมอภิรมย์ด้วยราคาตัวคืนละ 50
กษาปณ์ และพระนครเวสาลีงามเพริศพริ้งยิ่งกว่าประมาณ เพราะนางอัมพปาลี
หญิงงามเมืองนั้น ขอเดชะฯ แม้ชาวเราจะตั้งหญิงงามเมืองขึ้นบ้าง ก็จะเป็น
การดี
พระราชารับสั่ง พนาย ถ้าเช่นนั้น พวกท่านจงเสาะหากุมารีผู้มี
ลักษณะงามเช่นนั้น ที่ควรจะคัดเลือกให้เป็นหญิงงามเมือง.

กำเนิดชีวกโกมารภัจจ์


ก็สมัยนั้น ในพระนครราชคฤห์ มีกุมารีชื่อสาลวดีเป็นสตรีทรงโฉม
สดราญตาน่าเสน่หา ประกอบด้วยผิวพรรณเฉิดฉายยิ่ง พวกคนมีทรัพย์ชาว
พระนครราชคฤห์ จึงได้คัดเลือกกุมารีสาลวดีเป็นหญิงงามเมือง ครั้นนางกุมารี
สาลวดีได้รับเลือกเป็นหญิงงามเมืองแล้ว ไม่ช้านานเท่าไรนักก็ได้เป็นผู้ชำนาญ
ในการฟ้อนรำ ขับร้องบรรเลงเครื่องดนตรี มีคนที่มีความประสงค์ต้องการ
ตัวไปร่วมอภิรมย์ ราคาตัวคืนละ 100 กษาปณ์ ครั้นมิช้ามินาน นางสาลวดี
หญิงงามเมืองก็ตั้งครรภ์ นางจึงมีความคิดเห็นว่า ธรรมดาสตรีมีครรภ์ไม่เป็น
ที่พอใจของพวกบุรุษ ถ้าใคร ๆ ทราบว่าเรามีครรภ์ ลาภผลของเราจักเสื่อม
หมด ถ้ากระไร เราควรแจ้งให้เขาทราบว่าเป็นไข้ ต่อมานางได้สั่งคนเฝ้าประตู
ไว้ว่า ดูก่อนนายประตู โปรดอย่าให้ชายใด ๆ เข้ามา และผู้ใดถามหาดิฉัน
จงบอกให้เขาทราบว่าเป็นไข้นะ.

คนเฝ้าประตูนั้นรับคำนางสาลวดีหญิงงามเมืองว่า จะปฏิบัติตามคำสั่ง
เช่นนั้น หลังจากนั้น อาศัยความแก่แห่งครรภ์นั้น นางได้คลอดบุตรเป็นชาย
และสั่งกำชับทาสีว่า แม่สาวใช้ จงวางทารกนี้ลงบนกระด้งเก่า ๆ แล้วนำออก
ไปทิ้งกองหยากเยื่อ.
ทาสีนั้นรับคำนางว่า ทำเช่นนั้นได้ เจ้าค่ะ ดังนี้ แล้ววางทารกนั้น
ลงบนกระด้งเก่า ๆ นำออกไปทิ้งไว้ ณ กองหยากเยื่อ.
ก็ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า เจ้าขายอภัย กำลังเสด็จเข้าสู่พระราชวัง ได้
ทอดพระเนตรเห็นทารกนั้นอันฝูงกาห้อมล้อมอยู่ ครั้นแล้วได้ถามมหาดเล็กว่า
พนาย นั้นอะไร ฝูงการุมกันตอม ?
ม. ทารก พ่ะย่ะค่ะ
อ. ยังเป็นอยู่หรือ พนาย ?
ม. ยังเป็นอยู่ พ่ะย่ะค่ะ
อ. พนาย ถ้าเช่นนั้น จงนำทารกนั้น ไปที่วังของเรา ให้นางนมเลี้ยงไว้.
คนเหล่านั้นรับสนองพระบัญชาว่า อย่างนั้น พ่ะย่ะค่ะ แล้วนำทารก
นั้นไปวังเจ้าชายอภัย มอบแก่นางนมว่า โปรดเลี้ยงไว้ด้วย อาศัยคำว่า ยังเป็น
อยู่ เขาจึงขนานนามทารกนั้นว่า ชีวก ชีวกนั้น อันเจ้าชายรับสั่งให้เลี้ยงไว้ เขา
จึงได้ตั้งนามสกุลว่า โกมารภัจจ์ ต่อมาไม่นานนัก ชีวกโกมารภัจจ์ก็รู้เตียงสา
จึงเข้าเฝ้าเจ้าชายอภัย ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้แด่เจ้าชายอภัยว่า ใครเป็นมารดาของ
เกล้ากระหม่อม ใครเป็นบิดาของเกล้ากระหม่อม พ่ะย่ะค่ะ.
เจ้าชายรับสั่งว่า พ่อชีวก แม้ถึงตัวเราก็ไม่รู้จักมารดาของเจ้า ก็แต่ว่า
เราเป็นบิดาของเจ้า เพราะเราได้ให้เลี้ยงเจ้าไว้.

ชีวกโกมารภัจจ์จึงมีความคิดเห็นว่า ราชสกุลเหล่านั้นแล คนที่ไม่มี
ศิลปะจะเข้าฟังพระบารมี ทำไม่ได้ง่าย ถ้ากระไร เราควรเรียนวิชาแพทย์ไว้.

เรียนศิลปะทางแพทย์


[129] ก็โดยสมัยนั้นแล นายแพทย์ทิศาปาโมกข์ตั้งสำนักอยู่ ณ
เมืองตักกสิลา ชีวกโกมารภัจจ์ จึงไม่ทูลลาเจ้าชายอภัย ลอบเดินทางไป
เมืองตักกสิลาเดินรอนแรมไปโดยลำดับถึงเมืองตักกสิลา แล้วเข้าไปหานายแพทย์
ผู้นั้น ครั้นแล้วได้กราบเรียนคำนี้แก่นายแพทย์ว่า ท่านอาจารย์ กระผมประ-
สงค์จะศึกษาศิลปะ.
นายแพทย์สั่งว่า พ่อชีวก ถ้าเช่นนั้น จงศึกษาเถิด.
ครั้งนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ เรียนวิชาได้มาก เรียนได้เร็ว เข้าใจดีด้วย
และวิชาที่เรียนได้แล้วก็ไม่ลืม ครั้นล่วงมาได้ 7 ปี ชีวกโกมารภัจจ์คิดว่า ตัว
เราเรียนวิชาได้มาก เรียนได้เร็ว เข้าใจดีด้วย ทั้งวิชาที่เรียนได้ก็ไม่ลืม แล ะ
เราเรียนมาได้ 7 ปี แล้วยังไม่สำเร็จศิลปะนี้ เมื่อไรจักสำเร็จเสียที จึงเข้าไป
หานายแพทย์ผู้นั้นแล้วได้เรียนถามว่า ท่านอาจารย์ กระผมเรียนวิชาได้มาก
เรียนได้เร็ว เข้าใจดีด้วย ทั้งวิชาที่เรียนได้แล้วก็ไม่ลืม และกระผมได้เรียนมา
เป็นเวลา 7 ปีก็ยังไม่สำเร็จ เมื่อไรจักสำเร็จสักทีเล่า ขอรับ.
นายแพทย์ตอบว่า พ่อชีวก ถ้าเช่นนั้น เธอจงถือเสียมเที่ยวไปรอบเมือง
ตักกสิลา ระยะทาง 1 โยชน์ ตรวจดูสิ่งใดไม่ใช่ตัวยา จงขุดสิ่งนั้นมา.
ชีวกโกมารภัจจ์รับคำนายแพทย์ว่า เป็นเช่นนั้นท่านอาจารย์ ดังนั้น
แล้วถือเสียมเดินไปรอบเมืองตักกสิลาระยะทาง 1 โยชน์ มิได้เห็นสิ่งใดที่ไม่
เป็นตัวยาสักอย่างหนึ่ง จึงเดินทางกลับเข้าไปหานายแพทย์ และได้กราบเรียน
คำนี้ต่อนายแพทย์ว่า ท่านอาจารย์กระผมเดินไปรอบเมืองตักกสิลาระยะทาง 1
โยชน์แล้ว มิได้เห็นสิ่งที่ไม่เป็นยาสักอย่างหนึ่ง.