เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็จีวรปลิโพธเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังไม่ได้ทำจีวร หรือทำ
ค้างไว้ก็ดี ยังไม่สิ้นความหวังว่าจะได้จีวรก็ดี อย่างนี้แลชื่อว่าจีวรปลิโพธ.
ก่อนภิกษุทั้งหลาย กฐินมีปลิโพธ 2 อย่างนี้แล.

สิ้นปลิโพธ 2


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างไรเล่า กฐินสิ้นปลิโพธ 2 คือสิ้นอาวาส
ปลิโพธ 1 สิ้นจีวรปลิโพธ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ้นอาวาสปลิโพธอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ หลีกไปจากอาวาสนั้น ด้วย
สละใจ วางใจ ปล่อยใจ ทอดธุระว่าจักไม่กลับมา อย่างนี้แล ชื่อว่าสิ้น
อาวาสปลิโพธ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ้นจีวรปลิโพธเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ทำจีวรเสร็จแล้วก็ดี ทำ
เสียก็ดี ทำหายเสียก็ดี ทำไฟไหม้เสียก็ดี สิ้นความหวังว่าจะได้จีวรก็ดี อย่าง
นี้แล ชื่อว่าสิ้นจีวรปลิโพธ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กฐินสิ้นปลิโพธมี 2 อย่างนี้แล.
กฐินขันธกะ ที่ 7 จบ
ในขันธกะนี้มี 12 เรื่อง และเปยยาลมุข 118


หัวข้อประจำขันธกะ


[127] 1. ภิกษุชาวปาไฐยรัฐ 30 รูป จำพรรษาอยู่ในเมืองสาเกต
รัญจวนใจ ออกพรรษาแล้วมีจีวรเปียกปอนมาเฝ้าพระพุทธชินเจ้า 2. ต่อไปนี้
เป็นเรื่องกฐิน คือได้อานิสงส์กฐิน 5 คือ:-

ก เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา ข. เที่ยวไปไม่ต้องถือไตรจีวรครบ
สำรับ ค. ฉันคณโภชน์ได้ ง. เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา จ. จีวรลาภ
อันเกิดในทีนั้น เป็นของภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว.
3 ญัตติทุติยกรรมวาจา 4. อย่างนี้กฐินเป็นอันกราน อย่างนี้ไม่เป็นอันกราน
คือ กฐินกรานด้วยอาการ เพียงขีดรอย ชัก กะ ตัด เนา เย็บ ด้น ทำลูกดุม
ทำรังคุม ประกอบผ้าอนุวาต ประกอบผ้าอนุวาตด้านหน้า ดามผ้า ย้อม ทำ
นิมิต พูดเลียบเคียงผ้าที่ยืมเขามา เก็บไว้ค้างคืน เป็นนิสสัคคิยะ ไม่ได้ทำ
กัปปะพินทุ นอกจากไตรจีวร นอกจากจีวรมีขันธ์ 5 หรือเกินกว่า ซึ่งตัดดี
แล้วทำให้เป็นจีวรมีมณฑลนอกจากบุคคลกราน กรานโดยไม่ชอบ ภิกษุอยู่
นอกสีมาอนุโมทนากฐินอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าไม่เป็นอันกราน
5. กฐินกรานด้วยผ้าใหม่ ผ้าเทียมใหม่ ผ้าเก่า ผ้าบังสุกุล ผ้าตกตามร้าน
ผ้าที่ไม่ได้ท่านิมิต ผ้าที่ไม่ได้พูดเลียบเคียงได้มา ไม่ใช่ผ้าที่ยืมเขามา ไม่ใช่
ผ้าที่ทำค้างคืน ไม่ใช่เป็นผ้านิสสัคคิยะ ผ้าที่ทำกัปปะพินทุแล้ว ผ้าไตรจีวร
ผ้ามีขันธ์ 5 หรือเกินกว่า ซึ่งตัดดีแล้วทำให้เป็นจีวรมีมณฑลเสร็จในวันนั้น
บุคคลกราน กรานโดยชอบ ภิกษุอยู่ในสีมาอนุโมทนา อย่างนี้ชื่อว่ากราน
กฐิน 6. มาติกาเพื่อเดาะกฐิน 8 ข้อ คือ:-
1. กำหนดด้วยหลีกไป 2. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ 3. กำหนดด้วย
ตกลงใจ 4. กำหนดด้วยผ้าเสียหาย 5. กำหนดด้วยได้ยินข่าว 6. กำหนดด้วย
สิ้นหวัง 7. กำหนดด้วยล่วงเขต 8. กำหนดด้วยเดาะพร้อมกัน.
7. อาทายสัตตกะ 7 วิธี คือ:-
1. ถือจีวรที่ทำเสร็จแล้วไปคิดว่าจักไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุ
นั้นกำหนดด้วยหลีกไป 2. ถือจีวรไปนอกสีมา คิดว่าจักทำ ณ ที่นี้ จักไม่
กลับละ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ 3. ถือจีวรไปนอก
สีมา คิดว่าจักไม่ให้ทำ จักไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยตก-

ลงใจ 4. ถือจีวรไปนอกสีมา คิดว่าจักให้ทำจีวร ณ ที่นี้ จักไม่กลับละ กำลัง
ทำ จีวรเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น กำหนด้วยผ้าเสียหาย 5. ถือจีวร
ไป คิดว่าจักกลับ ให้ทำจีวรนอกสีมา ครั้นทำจีวรเสร็จแล้ว ได้ยินข่าวว่า
ในอาวาสนั้น กฐินเดาะแล้ว การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยได้ยินข่าว
6. ถือจีวรไปคิดว่าจักกลับ ไห้ทำจีวรนอกสีมา ครั้นทำจีวรเสร็จแล้วอยู่ นอก
สีมาจนกฐินเดาะ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยล่วงเขท 7. ถือจีวรไป
คิดว่าจักกลับ ให้ทำจีวร ณ ภายนอกสีมาครั้นทำจีวรเสร็จแล้ว คิดว่าจักกลับ
จักกลับ กลับทันกฐินเดาะ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย.
8. สมาทายสัตตกะมี 7 วิธี 9. อาทายฉักกะและสมาทายฉักกะ คือ ถือจีวรที่ทำ
ค้างไว้ไปอย่างละ 6 วิธี ในมีการเดาะ กำหนดด้วยหลีกไป 10. อาทายภาณวาร
กล่าวถึงภิกษุถือจีวรไปนอกสีมาคิดว่าจักให้ทำจีวร มี 3 มาติกา คือ:-
1. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ 2. กำหนดด้วยตกลงใจ 3. กำหนดด้วย
ผ้าเสียหาย กล่าวถึงภิกษุถือผ้าหลีกไป คิดว่าจักไม่กลับไปนอกสีมาแล้วคิดว่าจัก
ทำมี 3 มาติกา คือ:-
1. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ 2. กำหนดด้วยตกลงใจ 3. กำหนดด้วย
ผ้าเสียหาย กล่าวถึงภิกษุถือจีวรหลีกไป ด้วยไม่ได้ตั้งใจภายหลังเธอคิดว่าจักไม่
กลับ มี 3 นัย กล่าวถึงภิกษุถือจีวรไป คิดว่าจักกลับ อยู่นอกสีมา คิดว่าจัก
ทำจีวร จักไม่กลับ ให้ทำจีวรเสร็จ การเดาะกฐินของภิกษุนั้นกำหนดด้วยทั้ง
จีวรเสร็จ ด้วยตกลงใจ ด้วยผ้าเสียหาย ด้วยได้ยินข่าว ด้วยล่วงเขท ด้วย
เดาะพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย รวมเป็น 15 ภิกษุนำจีวรหลีกไปและนำจีวรทีทำ
ค้างไว้หลีกไปอีก 4 วาระก็เหมือนกัน รวมทั้งหมด 15 วิธี หลีกไปด้วยสิ้น
หวัง ด้วยหวังว่าจะได้ หลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง ทั้งสามอย่างนั้น นักปราชญ์.
พึงทราบโดยนัยอย่างละ 12 วิธี.

11. หวังได้ส่วนจีวร ผาสุวิหาร คือ อยู่ตามสบาย 5 ข้อ 12. กฐินมีปลิโพธ
และสิ้นปลิโพธ นักปราชญ์พึงแต่งหัวขอคามเค้าความเทอญ.
หัวข้อประจำขันกะ จบ

อรรถกฐินขันธกะ


เรื่องภิกษุชาวเมืองปาเฐยยะ


วินิจฉัยในกฐินขันธกะ พึงทราบดังนี้:-
บทว่า ปาเฐยฺยกา มีความว่า เป็นชาวจังหวัดปาเฐยยะ. มีคำ
อธิบายว่า ทางค้านทิศตะวันตก ในแคว้นโกศล มีจังหวัดชื่อปาเฐยยะ,
ภิกษุเหล่านั้น มีปกติอยู่ในจังหวัดนั้น. คำว่า ปาเฐยฺยกา นั้น เป็นชื่อของ
พวกพระภัททวัคคิยเถระ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพระบิดาของพระเจ้าโกศล ใน
พระเถระ 30 รูปนั้น รูปที่เป็นใหญ่กว่าทุก ๆ รูป เป็นพระอนาคามี รูปที่
ด้อยกว่าทุก ๆ รูปเป็นพระโสดาบัน; ที่เป็นพระอรหันต์ หรือปุถุชน แม้
องค์เดียวก็ไม่มี.
บทว่า อารญฺญถา มีความว่า มีปกติอยู่ป่า ด้วยอำนาจสมาทาน
ธุดงค์, ไม่ใช่สักว่าอยู่ป่า. ถึงในข้อที่ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้ถือบิณฑบาตเป็นต้น
ก็มีนัยเหมือนกัน.
อันที่จริง คำว่า มีปกติอยู่ป่า นี้ ท่านกล่าวด้วยอำนาจธุดงค์ที่เป็น
ประธาน แต่ภิกษุเหล่านี้ สมาทานธุดงค์ทั้ง 13 ทีเดียว.