เมนู

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแผ่เมตตาจิตไปยังโรชะมัลลกษัตริย์
แล้วทรงลุกจากที่ประทับเสด็จเข้าพระวิหาร ครั้นโรชะมัลลกษัตริย์ อันพระ-
เมตตาจิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าถูกต้องแล้ว ได้เที่ยวค้นหาตามวิหาร ตาม
บริเวณทั่วทุกแห่งดุจโคแน่ลูกอ่อน แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ท่านเจ้าข้า
เวลานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประทับ อยู่
ที่ไหน เพราะข้าพเจ้าใคร่จะเฝ้าพระองค์
ภิกษุทั้งหลายถวายพระพรว่า ท่านโรชะ พระวิหารนั่นเขาปิดพระ-
ทวารเสียแล้ว ขอท่านโปรดสงบเสียง เสด็จเข้าไปทางพระวิหารนั้น ต่อย ๆ
ย่องเข้าไปที่หน้ามุข ทรงกระแอมแล้วทรงเคาะพระทวารเถิด พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าจักทรงเปิดพระทวารรับท่าน ถวายพระพร.

โรชะมัลลกษัตริย์ได้ธรรมจักษุ


ขณะนั้น โรชะมัลลกษัตริย์ทรงสงบเสียง เสด็จเข้าไปทางพระวิหาร
ซึ่งปิดพระทวารเสียแล้วนั้น ค่อย ๆ ย่องเข้าไปที่หน้ามุข ทรงกระแอมแล้ว
เคาะบานพระทวาร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปิดพระทวารรับ จึงโรชะมัลล-
กษัตริย์เสด็จเข้าพระวิหาร ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วประทับนั่งเฝ้า
อยู่ ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่โรชะ-
มัลลกษัตริย์ คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา ซึ่งโทษแห่ง
กามอันต่ำทรามอันเศร้าหมอง และอานิสงส์ในความออกจากกาม ขณะเมื่อ
พระองค์ทรงทราบว่าโรชะมัลลกษัตริย์มีจิตคล่อง มีจิตอ่อน มีจิตปราศจาก
นิวรณ์ มีจิตเบิกบาน มีจิตผ่องใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนา ที่
พระพุทธเจ้าทั้งหลายยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้บังเกิดแก่โรชะมัลลกษัตริย์
ณ สถานที่ประทับนั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น
ทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา ดุจผ้าที่สะอาดปราศจากมลทินควรรับน้ำย่อม
ด้วยดี ฉะนั้น โรชะมัลลกษัตริย์ได้ทรงเห็นธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้ง
ได้หยั่งลงสู่ธรรมแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัย
ถึงความเป็นผู้องอาจ ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา ได้กราบทูลคำ
น้ำแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่าขอประทานพระวโรกาส ขอพระคุณเจ้าทั้งหลาย
โปรดรับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ของข้า
พระพุทธเจ้าผู้เดียว อย่ารับของตนอื่น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนโรชะ แม้อริยบุคคลผู้ได้เห็นธรรม
แล้วด้วยญาณของพระเสขะ ด้วยทัสสนะของพระเสขะเหมือนอย่างท่าน ก็คงมี
ความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอ พระคุเนเจ้าทั้งหลายคงกรุณารับจีวร บิณฑบาต
เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของพวกเราเท่านั้น คงไม่รับของผู้อื่นเป็น
แน่ เพราะฉะนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจักรับปัจจัยของท่านด้วย ของตนอื่นด้วย.
ก็โดยสมัยนั้นแล ประชาชนทั้งหลายได้จัดตั้งลำดับภัตตาหารอันประ-
ณีตไว้ที่นครกุสินารา ครั้นโรชะมัลลกษัตริย์ไม่ได้ลำดับที่จะถวายภัตตาหารจึง
ได้ทรงดำริว่า ไฉนหนอ เราพึงตรวจดูโรงอาหาร สิ่งใดไม่มีในโรงอาหาร
เราพึงตกแต่งสิ่งนั้นถวาย ครั้นแล้วทรงตรวจดูในโรงอาหาร ไม่ทอดพระเนตร
เห็นของ 2 อย่าง คือผักสด 1 ของขบฉันที่ทำด้วยแป้ง 1 จึงเสด็จเข้าไปหา
ท่านพระอานนท์ ครั้นแล้วได้ทูลหารือว่า ท่านพระอานนท์เจ้าข้า เมื่อข้าพเจ้า
ไม่ได้ลำดับที่จะถวายภัตตาหาร ณ สถานที่แห่งนี้ ได้มีความดำริว่า ไฉนหนอ
เราะพึงตรวจดูโรงอาหาร สิ่งใดไม่มีในโรงอาหาร เราพึงตกแต่งสิ่งนั้นถวาย

ท่านพระอานนท์เจ้าข้า ข้าพเจ้านั้นเมื่อตรวจดูโรงอาหาร ไม่ได้เห็นของ 2
อย่าง คือ ผักสด 1 ของขบฉันที่ทำด้วยแป้ง 1 หากข้าพเจ้าพึงตกแต่งผักสด
และของขบฉันที่ทำด้วยแป้งถวาย พระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงทรงรับของข้าพเจ้า
หรือไม่ เจ้าข้า.
ท่านพระอานนท์ถวายพระพรว่า ท่านโรชะ ถ้ากระนั้นอาตมาจะทูล
ถามพระผู้มีพระภาคเจ้าดู แล้วได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อานนท์ ถ้าเช่นนั้นจงให้เขาตกแต่งเถิด.
ท่านพระอานนท์ถวายพระพรว่า ท่านโรชะ ถ้ากระนั้น ท่านจงตกแต่ง
ถวาย.
โรชะมัลลกษัตริย์ จึงสั่งให้ตกแต่งผักสดและของขบเคี้ยวที่ทำด้วยแป้ง
เป็นอันมาก โดยผ่านราตรีนั้นแล้ว น้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพลาง
กราบทูลว่าขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงโปรดรับผักสด และของขบฉันที่ทำด้วย
แป้ง ของข้าพระพุทธเจ้าเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนโรชะ ถ้าเช่นนั้น จงถวายภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่รับประเคน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงรับประเคนฉันเถิด ขณะนั้น โรชะมัลลกษัตริย์
ทรงอังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขด้วยผักสด และของขบฉันที่
ทำด้วยแป้งมากมาย ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ ยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ล้าง
พระหัตถ์แล้ว จนทรงนำพระหัตถ์จากบาตร ให้ห้ามภัตแล้ว ได้ประทับเฝ้า
อยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้โรชะมัลลกษัตริย์
ผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ทรงเห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วย
ธรรมีกถาแล้ว ทรงลุกจากที่ประทับเสด็จกลับ.

พระพุทธนุญาติผักและแป้ง


ภายหลังพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาแล้ว ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผักสดทุกชนิด และของขบที่ทำด้วยแป้ง
ทุกชนิด.

เรื่องวุฑฒบรรพชิต


[89] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในพระนครกุสินารา
ตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินสู่อาตุมานครพร้อมด้วยภิกษุ
สงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ 1,250 รูป สมัยนั้นมีภิกษุบวชภายแก่รูปหนึ่ง เคย
เป็นช่างกัลบก อาศัยอยู่ในอาตุมานคร เธอมีบุตรชายสองคน เป็นเด็กพูดจา
อ่อนหวาน มีไหวพริบดี ขยัน แข็งแรง มีฝีมือยอดเยี่ยมในการช่างกัลบก
ของตนดีเท่าอาจารย์ เธอได้ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จมาสู่
อาตุมานคร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 1,250 รูป ครั้นแล้วได้แจ้ง
ความประสงค์อันนั้นแก่บุตรทั้งสองนั้นว่า พ่อทั้งหลาย ข่าวว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้ากำลังเสด็จสู่อาตุมานคร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 1,250
ไปเถิด พ่อทั้งสอง จงถือเครื่องมือตัดผมและโกนผมกับทะนานและถุง เที่ยว
ไปตัดและโกนผม ตามบ้านเรือนทุกแห่ง แลกเกลือบ้าง น้ำมันบ้าง ข้าวสาร
บ้าง ของขบฉันบ้าง พ่อจักทำยาคูที่ดื่มได้ถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จมา
ถึงแล้ว.
บุตรชายทั้งสองรับคำสั่งของหลวงพ่อว่า จะปฏิบัติเช่นนั้น แล้วถือ
เครื่องมือตัดผมโกนผมกับทะนานและถุง เที่ยวไปตัดและโกนผมตามบ้านเรือน