เมนู

ต้องการน้ำอ้อย พึงแสวงหาน้ำอ้อย ต้องการน้ำมัน พึงแสวงหาน้ำมัน ต้อง
การเนยใส ก็พึงแสวงหาเนยใส.
มีอยู่ ภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านที่มีศรัทธาเลื่อมใส เขามอบเงินทองไว้
ในมือกัปปิยการกสั่งว่า สิ่งใดควรแก่พระผู้เป็นเจ้า ขอท่านจงถวายสิ่งนั้นด้วย
กัปปิยภัณฑ์นี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ยินดีของอันเป็นกัปปิยะจากกัปปิย-
ภันฑ์นั้นไว้ แต่เรามิได้กล่าวว่า พึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยาย
ไร ๆ เลย.

เรื่องเกณิยชฏิล


[86] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะ
ทางโดยลำลับ เสด็จถึงอาปณนิคมแล้ว เกณิยชฎิลได้สดับข่าวถนัดแน่ว่า ท่าน
ผู้เจริญ พระสมณโคดมศากยบุตร ทรงผนวชจากศากยตระกูล เสด็จโดยลำดับ
ถึงอาปณนิคมแล้ว ก็พระกิตติศัพท์อันงามของท่านพระโคตมพระองค์นั้น
ขจรไปแล้ว อย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นทรง
เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงบรรลุวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว
ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของ
ทวยเทพและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม พระองค์ทรงทำ
โลกนี้พรอ้มทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัด ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง
ของพระองค์เอง แล้วทรงสั่งสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ ทวยเทพ
และมนุษย์ให้รู้ ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ อนึ่ง
การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็นปานนั้น เป็นความดี.

หลังจากนั้น เกณิยชฎิลได้ดำริว่า เราจะให้นำอะไรไปถวายพระสมณ-
โคดมดีหนอ จึงได้ดำริต่อไปว่า บรรดาฤษีผู้เป็นบุรพาจารย์ของพวกพราหมณ์
คือ ฤษีอัฎฐกะ ฤษีวามกะ ฤษีวามเทวะ ฤษีเวสสามิตตะ ฤษียมตัคคิ ฤษี
อังคีรสะ ฤษีภารทวาชะ ฤษีวาเสฏฐะ ฤษีกัสสปะ ฤษีภคุ ซึ่งเป็นผู้ผูกมนต์
บอกมนต์มาก่อนพวกพราหมณ์ในบัดนี้ ขับตามกล่าวตามซึ่งบทมนต์ของเก่านี้
ที่ท่านขับแล้วบอกแล้ว รวบรวมไว้แล้ว กล่าวได้ถูกต้อง บอกได้ถูกต้องตามที่
กล่าวไว้บอกไว้ เป็นผู้เว้นฉันในราตรี งดฉันในเวลาวิกาล ฤษีเหล่านั้นได้ยินดี
น้ำปานะเห็นปานนี้ แม้พระสมณโคดมก็เว้นฉันในราตรี งดฉันในเวลาวิกาล
ก็ควรจะยินดีน้ำปานะเห็นปานนี้บ้าง แล้วสั่งให้ตกแต่งน้ำปานะเป็นอันมาก ให้
คนหาบไปถึงพุทธสำนัก ครั้นถึงแล้วได้กราบทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นผ่านการกราบทูลปราศรัยพอให้เป็นที่บันเทิง เป็นที่ระลึกถึงกันไปแล้ว
ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ขอท่านพระโคดมโปรดทรงรับน้ำปานะของ ข้าพระพุทธเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เกณิยะ ถ้าเช่นนั้นจงถวายแก่ภิกษุทั้งลาย
ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่ยอมรับประเคน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จงขอรับประเคนฉันเถิด ครั้งนั้นเกณิยชฎิลได้อังคาส
ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุช ด้วยน้ำปานะเป็นอันมากด้วยมือของตน
ยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ล้างพระหัตถ์ จนนำพระหัตถ์จากบาตรให้ห้ามภัตแล้ว
ได้นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงชี้แจงให้เกณิยชฎิลผู้นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา.

ครั้งนั้น เกณิยชฎิลอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมา-
ทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ได้กราบทูลอาราธนาพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า ขอท่านพระโคดมพร้อมกับภิกษุสงฆ์ ทรงพระกรุณาโปรดจง
รับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้าเพื่อเจริญบุญกุศลและปีติปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้
ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือนว่า เกณิยะ ภิกษุสงฆ์มีมากถึง 1,25ํ0 รูป
และท่านก็เลื่อมใสยิ่งนักในหมู่พราหมณ์.
เกณิยชฎิล ได้ทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นคำรบสองว่า แม้
ภิกษุสงฆ์จะมีมากถึง 1,250 รูป และข้าพระพุทธเจ้าได้เลื่อมใสยิ่งนักในหมู่
พราหมณ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น ก็ขอท่านพระโคดมพร้อมกับภิกษุสงฆ์ ทรง
พระกรุณาโปรดจงรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อเจริญบุญกุศลและปีติ-
ปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือนเกณิยะว่า ภิกษุสงฆ์มีมากถึง 1,25ํ0 รูป
และท่านก็เลื่อมใสยิ่งนักในหมู่พราหมณ์.
เกณิยชฎิล ก็ได้กราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นคำรบ 3 ว่า
แม้ภิกษุสงฆ์จะมีมากถึง 1,250 รูป และ.ข้าพระพุทธเจ้าได้เลื่อมใสยิ่งนักในหมู่
พราหมณ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น ก็ขอท่านพระโคดมพร้อมกับภิกษุสงฆ์ ทรง
พระกรุณาโปรดจงรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อเจริญบุญกุศลและปีติ
ปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับอาราธนาโดยดุษณีภาพ ครั้น เกณิยชฎิล
ทราบอาการรับอาราธนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ลุกจากที่นั่งกลับไป.

พระพุทธานุญาติน้ำอัฏฐบาน


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตน้ำปานะ 8 ชนิดคือ น้ำปานะทำด้วยผลมะม่วง 1 น้ำ
ปานะทำด้วยผลหว้า 1 น้ำปานะทำด้วยผลกล้วยมีเมล็ด 1 น้ำปานะทำด้วยผล
กล้วยไม่มีเมล็ด 1 น้ำปานะทำด้วยผลมะซาง 1 น้ำปานะทำด้วยผลจันทน์หรือ
องุ่น 1 น้ำปานะทำด้วยเง่าบัว 1 น้ำปานะทำด้วยผลมะปรางหรือลิ้นจี่ 1.
ก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำผลไม้ทุกชนิด เว้นน้ำต้มเมล็ด
ข้าวเปลือก.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำใบไม้ทุกชนิด เว้นน้ำผักดอง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำดอกไม้ทุกชนิด เว้นน้ำดอก
มะซาง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำอ้อยสด.
ครั้งนั้น เกณิยชฎิลสั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉันอันประณีต ณ อาศรม
ของตนโดยผ่านราตรีนั้น แล้วให้คนไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่าถึงเวลาแล้ว ท่านพระโคดมภัตตาหารเสร็จแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสก แล้วถือบาตรจีวรเสด็จพระพุทธดำเนิน
ไปทางอาศรมของเกณิยชฎิล ครั้นถึงแล้ว ประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่
เขาจัดถวาย พร้อมกับภิกษุสงฆ์ เกณิยชฎิลจึงอังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุข ด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีต ด้วยมือของตน ยังพระผู้มี
พระภาคเจ้าผู้เสวยเสร็จ จนนำพระหัตถ์จากบาตร ให้ห้ามภัตแล้ว ได้นั่งอยู่
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.