เมนู

เสียบ้าง ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัส
อนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้สถานที่
กัปปิยภูมิที่สงฆ์สมมติ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตสถานที่กัปปิยภูมิ 4 ชนิดคือ อุสสาว-
นันติกา 1 โคนิสาทิกา 1 คหปติกา 1 สมมติกา 1.

เรื่องเมณฑกะคหบดี


[83] ก็โดยสมัยนั้นแล เมณฑกะคหบดีตั้งบ้านเรือนอยู่ในพระนคร
ภัททิยะ ท่านมีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ ท่านสระเกล้า แล้วให้กวาดฉาง
ข้าวนุ่งอยู่นอกประตู ท่อธารข้าวเปลือกตกจากอากาศเต็มฉาง ภริยามีอิทธานุ-
ภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้กระถางข้าวสุกขนาดจุน้ำหนึ่งอาฬหกใบเดียว
เท่านั้น และหม้อแกงหม้อหนึ่ง เลี้ยงอาหารแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร
อาหารนั้นไม่หมดสิ้นตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่ บุตรมีอิทธานุภาพเห็น
ปานฉะนี้ คือ เขาถือถุงจุเงินพันหนึ่ง ถุงเดียวเท่านั้น แล้วแจกเบี้ยหวัดกลางปี
แก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร เงินนั้นไม่หมดสิ้น ตลอดเวลาที่ถุงเงินยังอยู่
ในมือของเขา สะใภ้มีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้กระเฌอจุข้าว
4 ทะนานใบเดียวเท่านั้น แล้วแจกข้าวกลางปีแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร
ข้าวนั้นมิได้หมดสิ้นตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่ ทาสมีอิทธานุภาพเห็น
ปานฉะนี้ คือเมือเขาไถนาด้วยไถคันเดียว มีรอยไถถึง 7 รอย.
พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชได้ทรงสดับข่าวว่า เมณฑกะคหบดี
ตั้งบ้านเรือนอยู่ในพระนครภัททิยะแคว้นของพระองค์ เธอมีอิทธานุภาพเห็น
ปานฉะนี้ คือ เธอสระเกล้าแล้วให้กวาดฉางข้าว นั่งอยู่นอกประตู ท่อธาร

ข้าวเปลือกตกจากอากาศเต็มฉาง ภริยามีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่ง
ไกล้กระถางข้าวสุกขนาดจุน้ำหนึ่งอาฬหกใบเดียวเท่านั้น และหม้อแกงหม้อ
หนึ่ง เลี้ยงอาหารแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร อาหารนั้นไม่หมดสิ้นตลอด
เวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่ บุตรมีอิทธานุภาพเห็นปานะนี้ คือ เขาถือถุงจุเงิน
พันเหนึ่งถุงเดียวเท่านั้นแล้วแจกเบี้ยหวัดกลางปีแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร
เงินนั้นไม่หมดสิ้น ตลอดเวลาที่ถุงเงินยังอยู่ในมือของเขา สะใภ้มีอิทธานุ-
ภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้กระเฌอจุข้าว 4 ทะนานใบเดียวเท่านั้น แล้ว
แจกข้าวกลางปีแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร ข้าวนั้นมิได้หมดสิ้นตลอดเวลา
ที่นางยังไม่ลุกไปจากที่ ทาสมีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ เมื่อเขาไถนาด้วย
ไถคันเดียว มีรอยไถถึง 7 รอย.
ครั้งนั้น พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ได้ตรัสเรียกมหา-
อำมาตย์ผู้สำเร็จราชการมารับสั่งว่า ข่าวว่าเมณฑกะคหบดีตั้งบ้านเรือนอยู่ใน
พระนครภัททิยะแคว้นของเรา เธอมีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ เธอสระ
เกล้าแล้วให้กวาดฉางข้าวนั่งอยู่นอกประตู ต่อธารข้าวเปลือกตกจากอากาศเต็ม
ฉาง ภริยามีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้กระถางข้าวสุกขนาดจุ
น้ำหนึ่งอาฬหกใบเดียวเท่านั้น และหม้อแกงใบหนึ่ง เลี้ยงอาหารแก่บุรุษที่
เป็นทาสและกรรมกร อาหารนั้นไม่หมดสิ้นตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่
บุตรมีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ เขาถือถุงจุเงินพันหนึ่งถุงเดียวเท่านั้น แล้ว
แจกเบี้ยหวัดกลางปีแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกรเงินนั้นไม่หมดสิ้นตลอดเวลา
ที่ถุงเงินยังอยู่ในมือของเขา สะใภ้มีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้
กระเฌอจุข้าว 4 ทะนานใบเดียวเท่านั้น แล้วแจกข้าวกลางปีแก่บุรุษที่เป็น
ทาสและกรรมกร ข้าวนั้นมิได้หมดสิ้นตลอดเวลาที่นางยังไม่ลูกไปจากที่ ทาส

มีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ เมื่อเขาไถนาด้วยไถคันเดียว มีรอยไถถึง 7 รอย
พนาย เธอจงไปดูให้รู้เห็นเหมือนอย่างเราได้เห็นด้วยตนเอง.
ท่านมหาอำมาตย์รับพระบรมราชโองการของพระเจ้าพิมพิสารจอม-
เสนามาคธราชว่า เป็นดังพระราชประสงค์ พระพุทธเจ้าข้า แล้วพร้อมด้วย
เสนา 4 เหล่า เดินทางไปยังภัททิยนคร บทจรไปโดยลำดับจนถึงเมืองภัททิยะ
เข้าไปหาเมณฑกะคหบดี ครั้นแล้วได้กล่าวคำนี้กะเมณฑกะคหบดีว่า ท่าน
คหบดี ความจริงข้าพเจ้ามาโดยมีพระบรมราชโองการว่า พนาย ข่าวว่าเมณฑกะ
คหบดีตั้งบ้านเรือนอยู่ในพระนครภัททิยะแคว้นของเรา ครอบครัวของเธอมี
อิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ เธอสระเกล้าแล้วให้กวาดฉางข้าว นั่งอยู่นอก
ประตู ท่อธารข้าวเปลือกตกจากอากาศเต็มฉาง ภริยามีอิทธานุภาพเห็นปาน
ฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้กระถางข้าวสุกขนาดจุน้ำหนึ่งอาฬหกใบเดียวเท่านั้น และ
หม้อแกงหม้อหนึ่ง เลี้ยงอาหารแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร อาหารนั้นไม่
หมดสิ้นตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่ บุตรมีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ
เขาถือถุงจุเงินพันหนึ่งถุงเดียวเท่านั้น แล้วแจกเบี้ยหวัดกลางปีแก่บุรุษที่เป็น
ทาสและกรรมกร เงินนั้นไม่หมดสิ้นตลอดเวลาที่ถึงเงินยังอยู่ในมือของเขา
สะใภ้มีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ นางนั่งใกล้กระเฌอจุข้าว 8 ทะนานใบ
เดียวเท่านั้น และแจกข้าวกลางปีแก่บุรุษที่เป็นทาสและกรรมกร ข้าวนั้นมิได้
หมดสิ้นตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่ ทาสมีอิทธานุภาพเห็นปานฉะนี้ คือ
เมื่อเขาไถนาด้วยไถคันเดียว มีรอยไถถึง 7 รอย พนาย เธอจงไปดูให้รู้เห็น
เหมือนอย่างเรา ได้เห็นด้วยตนเอง ท่านคหบดี ข้าพเจ้าขอชมอิทธานุภาพ
ของท่าน.

เมณฑกะคหบดีจึงสระเกล้าแล้ว ให้กวาดฉางข้าว นั่งอยู่นอกประตู
ท่อธารข้าวเปลือกตกลงมาจากอากาศเต็มฉาง.
มหาอำมาตย์สรรเสริญว่า ท่านคหบดี อิทธานุภาพของท่าน ข้าพเจ้า
ได้เห็นแล้ว ขอชมอิทธานุภาพของภรรยาท่าน.
เมณฑกะคหบดีสั่งภรรยาในทันใดว่า ถ้าเช่นนั้น เธอจงเลี้ยงอาหาร
แก่เสนา 4 เหล่า.
ขณะนั้น ภรรยาท่านเมณฑกะคหบดีได้นั่งใกล้กระถางข้าวสุกขนาดจุ
น้ำหนึ่งอาฬหกใบเดียวเท่านั้น กับหม้อแกงหม้อหนึ่ง แล้วเลี้ยงอาหารแก่เสนา
4 เหล่า อาหารนั้นมิได้หมดสิ้นไปตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่.
มหาอำมาตย์สรรเสริญว่า ท่านคหบดี อิทธานุภาพของภรรยาท่าน
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว ขอชมอิทธานุภาพของบุตรท่าน.
เมณฑกะคหบดีจึงสั่งบุตรว่า ถ้าเช่นนั้น พ่อจงแจกเบี้ยหวัดกลางปี
แก่เสนา 4 เหล่า.
ขณะนั้น บุตรของท่านเมณฑกะคหบดีถือถุงจุเงินพันหนึ่ง ถุงเดียว
เท่านั้น แล้วได้แจกเบี้ยหวัดกลางปีแก่เสนา 4 เหล่า เงินนั้นมิได้หมดสิ้นไป
ตลอดเวลาที่ถุงเงินยังอยู่ในมือของเขา.
ท่านมหาอำมาตย์สรรเสริญว่า ท่านคหบดี อิทธานุภาพของบุตรท่าน
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว ขอชมอิทธานุภาพของสะใภ้ท่าน.
เมณฑกะคหบดีสั่งสะใภ้ทันทีว่า ถ้าเช่นนั้น แม่จงแจกข้าวกลางปีแก่
เสนา 4 เหล่า.
ขณะนั้น สะใภ้ของเมณฑกะคหบดีได้นั่งใกล้กระเฌอจุข้าว 4 ทะนาน
ใบเดียวเท่านั้น แล้วได้แจกข้าวกลางปีแก่เสนา 4 เหล่า ข้าวนั้นมิได้หมดสิ้น
ไปตลอดเวลาที่นางยังไม่ลุกไปจากที่.

มหาอำมาตย์สรรเสริญว่า ท่านคหบดี อิทธานุภาพของสะใภ้ท่าน
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว ขอชมอิทธานุภาพของทาสท่าน.
เมณ. อิทธานุภาพของทาสข้าพเจ้า ท่านต้องชมที่นา ขอรับ.
ม. ไม่ต้องละท่านคหบดี แม้อิทธานุภาพของทาสท่าน ก็เป็นอัน
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว ครั้นเสร็จราชการนั้นแล้ว ท่านมหาอำมาตย์นั้นพร้อม
ด้วยเสนา 4 เหล่า ก็เดินทางกลับพระนครราชคฤห์ เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมิมสาร
จอมเสนามาคธราช กราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบทุกประการ.
[88] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครเวสาลีตาม
พระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกทางพระนครภัททิยะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่
ใหญ่ ประมาณ 1,250 รูป เสด็จจาริกโดยลำดับ ได้เสด็จถึงพระนครภัททิยะ
แล้ว ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ ชาติยาวัน เขตพระนครภัททิยะนั้น.

พระพุทธคุณ


เมณฑกะคหบดีได้สดับข่าวถนัดแน่ว่า ท่านผู้เจริญ พระสมณะโคดม
ศากยบุตร ทรงผนวชจากศากยตระกูล เสด็จโดยลำดับถึงพระนครภัททิยะ
ประทับอยู่ ณ ชาติยาวัน เขตพระนครภัททิยะ ก็พระกิตติศัพท์อันงามของ
ท่านพระโคดมพระองค์นั้น ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนนี้ ๆ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงบรรลุ
วิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก
ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของทวยเทพและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็น
ผู้จำแนกธรรม พระองค์ทรงทำโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อม