เมนู

เสือดาวฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กล่นเนื้อเสือดาว ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือดาว รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
สุปปิยภาณวาร ที่ 2 จบ

เรื่องพราหมณ์ถวายยาคูและขนมปรุงด้วยน้ำหวาน


[61] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครพาราณสี
ตามพระพุทธาภิรมย์แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินมุ่งไปทางอันธกวินทะชนบท
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 1,250 รูป คราวนั้นประชาชนชาวชน-
บทบรรทุกเกลือบ้าง น้ำมันบ้าง ข้าวสารบ้าง ของควรเคี้ยวบ้าง เป็นอันมาก
มาในเกวียน เดินติดตามภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขมาข้างหลัง ๆ
ด้วยตั้งใจว่า ได้โอกาสเมื่อใดจักทำภัตตาหารถวายเมื่อนั้น อนึ่ง คนกินเดน
ประมาณ 500 คนก็พลอยเดินติดตามไปด้วย ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จ
พระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับเสด็จถึงอันธกวินทชนบท.
ขณะนั้นพราหมณ์คนหนึ่ง ยังหาโอกาสไม่ได้ จึงดำริในใจว่าเราเดิน
ติดตามภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขมากว่า 2 เตือนแล้ว ด้วยหมายใจว่า
ได้โอกาสเมื่อใด จักทำภัตตาหารถวายเมื่อนั้น แต่ก็หาโอกาสไม่ได้ อนึ่ง เรา
ตัวคนเดียวและยังเสียประโยชน์ทางฆราวาสไปมาก ไฉนหนอ เราพึงตรวจดู
โรงอาหารสิ่งใดไม่มีในโรงอาหาร เราพึงตกแต่งสิ่งนั้นถวาย แล้วจึงตรวจดู
โรงอาหารมิได้เห็นมีของ 2 สิ่ง คือยาคู 1 ขนมปรุงด้วยน้ำหวาน 1 จึงเข้าไป
หาท่านพระอานนท์ถึงสำนัก ครั้นแล้วได้กราบเรียนคำนี้แด่ท่านพระอานนท์ว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้าอานนท์ ข้าพเจ้าหาโอกาสในที่นี้ไม่ได้จึงได้ดำริในใจว่า ตน

เดินติดตามภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขมากว่า 2 เตือนแล้ว ด้วยหมาย
ใจว่าได้โอกาสเมื่อใดจักทำภัตตาหารถวายเมื่อนั้น แต่ก็หาโอกาสไม่ได้ อนึ่ง
ตนตัวคนเดียวและยังเสียประโยชน์ทางฆราวาสของตนไปมาก ไฉนหนอตนพึง
ตรวจดูโรงอาหาร สิ่งใดไม่มีในโรงอาหาร พึงตกแต่งสิ่งนั้นถวาย ดังนี้ ข้า
แด่พระคุณเจ้าอานนท์ข้าพเจ้านั้นตรวจดูโรงอาหาร มิได้เห็นมีของ 2 สิ่ง คือ
ยาคู 1 ขนมปรุงด้วยน้ำหวาน 1 ถ้าข้าพเจ้าตกแต่งยาคู และขนมปรุงด้วยน้ำ
หวานถวาย ท่านพระโคดมจะพึงรับของข้าพเจ้าไหม เจ้าข้า ?.
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าเช่นนั้นฉันจักทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าทันที.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ถ้าเช่นนั้นพราหมณ์จงตก
แต่ง ถวายเถิด.
ท่านพระอานนท์ บอกพราหมณ์ว่า ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าเช่นนั้นท่าน
ตกแต่งถวายได้ละ.
พราหมณ์นั้น จึงตกแต่งยาคูและขนมปรุงด้วยน้ำหวานมากมายโดยผ่าน
ราตรีนั้น แล้วน้อมเข้าไปถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า ขอท่านพระ
โคดมโปรดกรุณรับยาคูและขนมปรุงด้วยน้ำหวานของข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าเช่นนั้นเธอจงถวาย
แก่ภิกษุทั้งหลาย ๆ รังเกียจไม่รับ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย พวกเธอจงรับประเคนฉันเถิด.
พราหมณ์นั้นจึงอังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยยาคู
และขนมปรุงด้วยน้ำหวานมากมายด้วยมือของตน จนยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้
เสวยเสร็จล้างพระหัตถ์แล้ว ทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตร ให้ห้ามภัตรแล้ว
จึงนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

ข้าวยาคูมีคุณ 10 อย่าง


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กะพราหมณ์นั้น ผู้นั่งอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูก่อนพราหมณ์ ข้าวยาคูมีคุณ 10 อย่างนี้ 10 อย่าง
เป็นไฉน คือ ผู้ให้ข้าวยาคู. ชื่อว่าให้อายุ 1 ให้วรรณะ 1 ให้สุข 1 ให้กำลัง
1 ให้ปฏิภาณ 1 ข้าวยาคูที่ดื่มแล้วกำจัดความหิว 1 บรรเทาความระหาย 1 ทำ
ลมให้เดินคล่อง 1 ล้างลำไส้ 1 ย่อยอาหารใหม่ที่เหลืออยู่ 1 ดูก่อนพราหมณ์
ข้าวยาคูมีคุณ 1. อย่างนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้น ได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสอนุ-
โมทนาคาถาดังต่อไปนี้:-

คาถาอนุโมทนา


[62] ทายกใดถวายข้าวยาคูโดย
เคารพตามกาล แก่ปฏิคาหก ผู้สำรวมแล้ว
บริโภคโภชนะอันผู้อื่นถวาย ทายกนั้นชื่อว่า
ตามเพิ่มให้ซึ่งสถานะ 10 อย่างแก่ปฏิคาหก
นั้น อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
ย่อมเกิดแก่ปฏิคาหกนั้น แต่นั้นยาคูย่อมกำ-
จัดความหิว ความระหาย ทำลมให้เดินคล่อง
ล้างลำไส้ และย่อยอาหาร ยาคูนั้นพระสุคต-
ตรัสสรรเจริญว่าเป็นเภสัช เพราะเหตุนั้น
แล มนุษย์ชนที่ต้องการสุขยั่งยืนปรารถนา
สุขที่เลิศ หรือยากได้ความงามอันเพริศพริ้ง
ในมนุษย์ จึงควรแท้เพื่อถวายข้าวยาคู.