เมนู

ประจำชมพูทวีปแล้วมานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือน
เราแน่
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยภัตตาหารของชฎิลอุรุเวลกัสสปแล้ว
ประทับอยู่โนไพรสณฑ์ตำบลนั้นแล.
ครั้นล่วงราตรีนั้น ไปชฎิลอุรุเวลกัสสปไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้น
แล้วจึงทูลภัตตกาลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ถึงเวลาแล้วมหาสมณะ ภัตตาหาร
เสร็จแล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงส่งชฎิลอุรุเวลกัสสปไปด้วยพระดำรัสว่า ดู
ก่อนกัสสป ท่านไปเถิด เราจักตามไป แล้วทรงเก็บผลมะม่วง. . . ผลมะขาม
ป้อม. . . ผลสมอในที่ไม่ไกลต้น หว้าประจำชมพูทวีปนั้น. . . เสด็จไปส่ภพดาว-
ดึงส์ ทรงเก็บดอกปาริฉัตตกะ แล้วมาประทับนั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน ชฎิล
อุรุเวลกัสสปได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งในโรงบูชาเพลิง ครั้นแล้วได้
ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่มหาสมณะ ท่านมาทางไหน ข้าพเจ้า
กลับมาก่อนท่าน แต่ท่านยังมานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนกัสสป เราส่งท่านแล้วได้ไปสู่
ภพดาวดึงส์ เก็บดอกปาริฉัตตกะแล้ว มานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน ดูก่อน
กัสสป ดอกปาริฉัตตกะนี้แล สมบูรณ์ด้วยสีและกลิ่น.
ครั้งนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้มีความดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก
มีอานุภาพมากแท้ เพราะส่งเรามาก่อนแล้ว ยังไปสู่ภพดาวดึงส์ เก็บดอกปริ
ฉัตตกะแล้ว มานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.

ปาฏิหาริย์ผ่าฟืน


[46] ก็โดยสมัยนั้นแล ชฎิลเหล่านั้นปรารถนาจะบำเรอไฟ แต่ไม่
อาจจะผ่าฟืนได้ จึงชฎิลเหล่านั้นได้มีความดำริต้องกันว่า ข้อที่พวกเราไม่อาจ

ผ่าพืนได้นั้น คงเป็นอิทธานุภาพของพระมหาสมณะ ไม่ต้องสงสัยเลย ครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะชฎิลอุรุเวลกัสสปว่า ดูก่อนกัสสป พวกชฎิลจงผ่า
ฟืนเถิด.
ชฎิลอุรุเวลกัสสปรับพระพุทธดำรัสว่า ข้าแต่มหาสมณะ พวกชฎิลจง
ผ่าฟืนกัน.
ชฎิลทั้งหลายได้ผ่าฟืน 500 ท่อนคราวเดียวเท่านั้น ครั้งนั้นแล ชฎิล-
อุรุเวลกัสสปได้มีความดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท้
ถึงกับให้พวกชฎิลผ่าฟืนได้ แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.

ปาฏิหาริย์ก่อไฟ


[47] ก็โดยสมัยนั้นแล ชฎิลเหล่านั้นปรารถนาจะบำเรอไฟ แต่ไม่
อาจจะก่อไฟให้ลุกได้ จึงชฎิลเหล่านั้นได้มีความดำริต้องกันว่า ข้อที่พวกเรา
ไม่อาจจะก่อไฟให้ลุกขึ้นได้นั้น คงเป็นอิทธานุภาพของพระมหาสมณะ ไม่ต้อง
สงสัยเลย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะชฎิลอุรุเวลกัสสปว่า ดูก่อน
กัสสป พวกชฎิลจงก่อไฟให้ลุกเถิด.
ชฎิลอุรุเวลกัสสปรับพระพุทธดำรัสว่า ข้าแต่มหาสมณะ พวกชฎิลจง
ก่อไฟให้ลุก ไฟทั้ง 500 กอง ได้ลุกขึ้นคราวเดียวกันเทียว ลำดับนั้น ชฎิล
อุรุเวลกัสสป ได้มีความดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท้
ถึงกับให้ไฟลุกขึ้นได้ แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.

ปาฏิหาริย์ดับไฟ


[48] ก็โดยสมัยนั้นแล ชฎิลเหล่านั้นบำเรอไฟกันแล้วไม่อาจดับไฟ
ได้ จึงได้คิดต้องกันว่า ข้อที่พวกเราไม่อาจดับไฟได้นั้น คงเป็นอิทธานุภาพ