เมนู

มารกราบทูลว่า บ่วงนี้เที่ยวไปได้ในอากาศ เป็นของมีในจิต สัญจร-
อยู่ เราจักผูกรัดท่านด้วยบ่วงนั้น แน่ะสมณะ ท่านจักไม่พ้นเรา.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า เราปราศจากความพอใจในอารมณ์
เหล่ะนี้ คือ รูป เสีย กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่รื่นรมย์ใจ ดูก่อนมาร
ท่านถูกเรากำจัดเสียแล้ว.
ครั้งนั้น มารผู้มีใจบาปรู้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จักเรา พระ-
สุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้แล้ว มีทุกข์ เสียใจ หายไปในที่นั้นเอง.
เรื่องมาร จบ

ทรงอนุญาตบรรพชาและอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์


[34] ก็โดยสมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายพากุลบุตรผู้มุ่งบรรพชา และผู้
มุ่งอุปสมบทมาจาทิศต่าง ๆ จากชนบทต่าง ๆ ด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
จักให้พวกเขาบรรพชาอุปสมบท ในเพราะเหตุนั้น ทั้งพวกภิกษุ ทั้งกุลบุตร
ผู้มุ่งบรรพชา และกุลบุตรผู้มุ่งอุปสมบทย่อมลำบาก.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ มีพระทัย
ปริวิตกเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายพากุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและ
อุปสมบทมาจากทิศต่าง ๆ จากชนบทต่าง ๆ ด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาค-
เจ้าจักให้พวกเขาบรรพชา อุปสมบท ในเพราะเหตุนั้น ทั้งพวกภิกษุทั้งกุล
บุตรผู้มุ่งบรรพชา และอุปสมบท ย่อมลำบาก ผิฉะนั้น เราพึงอนุญาต
แก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่นแหละจงให้กุล
บุตรทั้งหลายบรรพชาอุปสมบทในทิศนั้น ๆ ในชนบทนั้น ๆา เถิด ครั้นเวลาเย็น

เสด็จออกจากที่เร้น รับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ใน
เพราะเหตุแรกเกิดนั้น ทรงทำธรรมีกถาแล้ว รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราไปในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ ณ ที่นี้ ได้มีใจปริวิตกเกิดขึ้นอย่าง
นี้ว่า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายพากุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาแสะอุปสมบทมาจากทิศ
ต่าง ๆ จากชนบทต่าง ๆ ด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าจักให้พวกเขาบรรพ-
ชาอุปสมบท ในเพราะเหตุนั้น ทั้งพวกภิกษุ ทั้งกุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและ
อุปสมบท ย่อมลำบาก ผิฉะนั้น เราพึงอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั้นแหละจงให้กุลบุตรทั้งหลายบรรพชาอุปสมบท
ในทิศนั้น ๆ ในชนบทนั้น ๆ เถิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราอนุญาต
พวกเธอนั้นแหละจงให้กุลบุตรทั้งหลายบรรพชาอุปสมบทในทิศนั้น ๆ ในชน
บทนั้น ๆ เถิด.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงให้กุลบุตรบรรพชาอุปสมบท
อย่างนี้.
ชั้นแรก พวกเธอพึงให้กุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและอุปสมบท ปลง
ผมและหนวด แล้วให้ครองผ้ากาสายะ ให้ทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ให้กราบ
เท้าภิกษุทั้งหลายแล้ว ให้นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี สั่งว่า เธอจงว่าอย่างนี้
แล้วให้ว่าสรณคมน์ ดังนี้:-
ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
ข้าพเจ้าถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
ข้าพเจ้าถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
แม้วาระที่ 2 ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
แม้วาระที่ 2 ข้าพเจ้าถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง

แม้วาระที่ 2 ข้าพเจ้าถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
แม้วาระที่ 3 ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
แม้วาระที่ 3 ข้าพเจ้าถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
แม้วาระที่ 3 ข้าพเจ้าถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตบรรพชาอุปสมบท ด้วยไตรสรณคมน์
กถาว่าด้วยอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์ จบ

อรรถกถายสวัตถุ


บทว่า ปุพฺพานุปุพฺพกานํ มีความว่า เก่าแก่เป็นลำดับด้วยอำนาจ
ความสืบสายกัน.
ข้อว่า เตน โข ปน สมเยแ เอกสฏฺฐิ โลเก อรหนฺโต โหนฺติ
มีความว่า ภายในพรรษาเท่านั้น มีมนุษย์เป็นพระอรหันต์ 61 องค์ คือ พวก
ก่อน 6 องค์ และพวกนี้อีก 55 องค์. บรรดามนุษย์เหล่านั้น ยสกุลบุตร
เป็นต้น มีบุพประโยคดังต่อไปนี้:-
ดังได้ยินมา ในอดีตกาล สหาย 55 คน จะทำบุญร่วมพวกกัน จึง
เที่ยวช่วยกันจัดการศพคนอนาถา. วันหนึ่งพวกเขาพบทญิงมีครรภ์ทำกาลกิริยา
คิดว่า จักเผา จึงนำไปยังป่าช้า. ในพวกเขา เว้นไว้ที่ป่าช้า 5 คน สั่งว่า จง
ช่วยกันเผา ส่วนที่เหลือพากันเข้าบ้าน. พ่อยศผู้ทรามวัย แทงและพลิกศพนั้น
ให้ไหม้อยู่ ก็ได้อสุภสัญญา. เขาได้แสดงแก่อีก 4 คนด้วยว่า ผู้เจริญจงเห็น