เมนู

ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
บัญญัติปวารณาไว้สำหรับภิกษุทั้งหลายผู้พร้อมเพรียงกัน ถ้าบุคคลปรากฏ
วัตถุไม่ปรากฏ เธอจงระบุวัตถุนั้นมาเดี๋ยวนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ พึงประกาศในท่ามกลาง
สงฆ์ในวันปวารณาว่า:-
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า วัตถุและบุคคลนี้ปรากฏ
ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงงดวัตถุและบุคคลแล้ว
ปวารณาเถิด.
ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
บัญญัติปวารณาไว้ สำหรับภิกษุทั้งหลายผู้บริสุทธิ์ และพร้อมเพรียงกัน ถ้า
วัตถุและบุคคลปรากฏ เธอจงระบุวัตถุและบุคคลนั้นมาเดียวนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากวัตถุปรากฏก่อนปวารณา ภายหลังบุคคล
จึงปรากฏควรพูดขึ้น หากบุคคลปรากฏก่อนปวารณา ภายหลังวัตถุจึงปรากฏ
ก็ควรพูดขึ้น หากวัตถุและบุคคลปรากฏก่อนปวารณา ถ้าเมื่อทำปวารณาแล้ว
ฟื้นเรื่องนั้นขึ้น เป็นปาจิตติยะ เพราะฟื้นเรื่องขึ้น.

ภิกษุก่อความบาดหมางเป็นต้น


[250] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุมากรูปด้วยกันที่เคยเห็นร่วมคบหา
กันมา จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในโกศลชนบท ณ สถานที่ใกล้เตียง
ของภิกษุเหล่านั้น มีภิกษุเหล่าอื่นที่ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อ
ความวิวาททำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ จำพรรษาอยู่ด้วยประสงค์ว่า

ในวันปวารณาพวกเราจักงดปวารณาของภิกษุที่อยู่จำพรรษาเหล่านั้นเสีย ภิกษุ
เหล่านั้น ได้ทราบข่าวว่า ณ สถานที่ใกล้เคียงของพวกเรา มีภิกษุเหล่าอื่นที่ก่อ
ความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์
ในสงฆ์ จำพรรษาอยู่ด้วยมุ่งหมายว่าในวันปวารณา พวกเราจักงดปวารณาของ
ภิกษุที่อยู่จำพรรษาเหล่านั้นเสีย ดังนี้ พวกเราจะพึงปฏิบัติอย่างไรหนอ จึง
กราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้ มากรูปด้วยกัน ซึ่งเคยเห็น
ร่วมคบหากันมา จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง ณ สถานที่ใกล้เตียงของภิกษุ
เหล่านั้น มีภิกษุเหล่าอื่นที่ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อความวิวาท
ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ จำพรรษาอยู่ด้วยมุ่งหมายว่า ในวัน
ปวารณา พวกเราจักงดปวารณาของพวกภิกษุที่อยู่จำพรรษาเหล่านั้นเสีย ดัง
นี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตให้ภิกษุเหล่านั้นทำอุโบสถ 2 คือ ที่ 3 ที่ 4
หรือ 3 อุโบสถ คือ ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ให้เป็นอุโบสถ 14 ค่ำ ด้วยประสงค์ว่า
ไฉนพวกเราพึงปวารณาก่อนภิกษุเหล่านั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุพวกที่ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์เหล่านั้น มาสู่
อาวาส ภิกษุพวกเจ้าถิ่นเหล่านั้น พึงรีบประชุมปวารณาเสียโดยเร็ว ครั้นแล้ว
พึงแจ้งว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกเราปวารณากันเสร็จแล้ว ท่านทั้งหลายจะ
สำคัญสถานใด ก็จงทำสถานนั้นเถิด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุพวกที่ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์เหล่านั้น ไม่แจ้ง

ให้ทราบก่อนมาสู่อาวาสนั้น พวกภิกษุเจ้าถิ่นเหล่านั้น พึงปูอาสนะ จัดหาน้ำ
ล้างเท้า ตั่งรองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้าไว้ พึงลุกขึ้นแล้วรับบาตรจีวร พึงต้อน
รับด้วยน้ำดื่ม พึงเสแสร้งกล่าวแก่ภิกษุเหล่านั้น แล้วไปปวารณานอกสีมา ครั้น
แล้วพึงแจ้งว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกเราปวารณากันเสร็จแล้ว ท่านทั้งหลาย
จะสำคัญสถานใด ก็จงทำสถานนั้นเถิด ถ้าได้วิธีการนั้นอย่างนี้ การได้อย่างนี้
นั่นเป็นการดี หากไม่ได้ ภิกษุเจ้าถิ่นผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้ภิกษุ
เจ้าถิ่นทั้งหลายทราบว่า:-
ขอท่านเจ้าถิ่นทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่ง
ของท่านทั้งหลายถึงที่แล้ว พวกเราพึงทำอุโบสถ พึงสวดปาติโมกข์
ในบัดนี้ พึงปวารณาในวันกาฬปักษ์ที่จะมาถึงเถิด.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุพวกที่ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์เหล่านั้น จะพึง
กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นอย่างนี่ว่า ดีแล้ว อาวุโสทั้งหลาย ขอพวกท่านจงปวารณา
ต่อพวกเราในบัดนี้เถิด พวกเธออันภิกษุทั้งหลายพึงกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส
ทั้งหลาย พวกท่านไม่เป็นใหญ่ในปวารณาของพวกเรา พวกเราจะยังไม่
ปวารณาก่อนละ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุพวกที่ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์เหล่านั้น จะพึง
อยู่คอยไปถึงวันกาฬปักษ์นั้น ภิกษุเจ้าถิ่นผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้
พวกภิกษุเจ้าถิ่นทราบว่า:-
ขอท่านเจ้าถิ่นทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่ง
ของท่านทั้งหลายถึงที่แล้ว พวกเราพึงทำอุโบสถ พึงสวดปาติโมกข์
ในบัดนี้เถิด พวกเราพึงปวารณาในวันกาฬปักษ์ที่จะมาถึงเถิด.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุพวกที่ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์เหล่านั้น จะพึง
กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นอย่างนี้ว่า ดีแล้ว อาวุโสทั้งหลาย ขอพวกท่านจงปวารณา
ต่อพวกเราในบัดนี้เถิด พวกเธออันภิกษุทั้งหลายพึงกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส
ทั้งหลาย พวกท่านไม่เป็นใหญ่ในปวารณาของพวกเรา พวกเราจะยังไม่
ปวารณาก่อนละ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุพวกที่ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์เหล่านั้น จะพึง
อยู่คอยไปถึงวันชุณหปักษ์แม้นั้น ภิกษุเหล่านั้นทุกรูปไม่ปวารณา ก็ต้อง
ปวารณาในวันเพ็ญเดือน 12 เป็นที่ครบ 4 เดือนที่จะมาถึง .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังปวารณากัน ภิกษุ
อาพาธงดปวารณาของภิกษุผู้ไม่อาพาธ ภิกษุอาพาธนั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงว่า
กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านกำลังอาพาธ อันผู้อาพาธ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ไม่
สู้จะอดทนต่อการซักถามอาวุโส ขอท่านจงรออยู่จนกว่าจะหายอาพาธ หาย
อาพาธแล้ว เมื่อจำนงจึงค่อยโจท หากภิกษุอาพาธถูกว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ ยังขืน
โจทเป็นปาจิตติยะ เพราะไม่เอื้อเฟื้อ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังปวารณากัน ภิกษุผู้ไม่
อาพาธ งดปวารณาของภิกษุผู้อาพาธ ภิกษุผู้ไม่อาพาธนั้น อันภิกษุทั้งหลาย
พึงว่ากล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส ภิกษุรูปนี้แล กำลังอาพาธ อันผู้อาพาธ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสว่า ไม่สู้จะอดทนต่อการซักถาม อาวุโส ขอท่านจงรออยู่จน
กว่าภิกษุรูปนี้หายอาพาธภิกษุนั้น หายอาพาธแล้ว เมื่อจำนงจึงค่อยโจท หาก
ภิกษุผู้ไม่อาพาธถูกว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ ยังขืนโจท เป็นปาจิตติยะ เพราะไม่
เอื้อเฟื้อ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังปวารณาอยู่ ภิกษุอาพาธ
งดปวารณาของภิกษุอาพาธ ๆ นั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
ทั้งหลายกำลังอาพาธ อันผู้อาพาธ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ไม่สู้จะอดทน
ต่อการซักถาม โปรดรออยู่ก่อนจนกว่าจะหายอาพาธด้วยกัน หายอาพาธด้วย
กันแล้ว เมื่อจำนงจึงค่อยโจท หากภิกษุผู้อาพาธนั้นถูกว่ากล่าวอย่างนี้ ยังขืน
โจท เป็นปาจิตติยะ เพราะไม่เอื้อเฟื้อ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังปวารณากัน ภิกษุผู้
ไม่อาพาธงดปวารณาของภิกษุผู้ไม่อาพาธ ทั้งสองฝ่าย สงฆ์พึงสอบสวนสืบ
สวนเป็นการสงฆ์ปรับอาบัติตามธรรม แล้วจึงปวารณาเถิด.

พวกที่พร้อมเพียงกันเป็นต้นเลื่อนปวารณา


[251] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุมากรูปด้วยกัน ซึ่งเคยเห็นร่วมคบหา
กันมา จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในโกศลชนบท เมื่อพวกเธอพร้อม
เพรียงกัน ปรองดองกัน ไม่วิวาทกันอยู่ ย่อมบรรลุผาสุวิหารธรรมอย่างใด
อย่างหนึ่ง จึงพวกเธอได้มีความปริวิตกว่า เมื่อพวกเราพร้อมเพรียงกัน ปรอง
ดองกัน ไม่วิวาทกันอยู่ได้บรรลุผาสุวิหารธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ถ้าพวก
เราก็จักปวารณากันเสียในบัดนี้ บางทีพวกภิกษุปวารณากันแล้วจะพึงหลีกไปสู่
จาริกก็จะมีบ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็จักเหินห่างจากผาสุวิหารธรรมนี้
พวกเราจะพึงปฏิบัติอย่างไรหนอ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

พระพุทธานุญาตให้เลื่อนปวารณา


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้มากรูปด้วยกัน ซึ่งเคยเห็น
ร่วมคบหากันมา จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง เมื่อพวกเธอพร้อมเพรียงกัน