เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ สงฆ์ทั้งหมด
ในศาสนานี้มีความสงสัยในสภาคาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้
สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้:-

ญัตติกรรมวาจา


ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์ทั้งหมดนี้มีความ
สงสัยในสภาคาบัติ หมดความสงสัยเมื่อใด จักทำคืนอาบัตินั้น เมื่อ
นั้น ครั้นแล้วพึงทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์ แต่ไม่พึงทำอันตรายแก่
อุโบสถ เพราะข้อที่มีความสงสัยนั้น เป็นปัจจัย.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สงฆ์ในศาสนานี้จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง
เป็นผู้ต้องสภาคาบัติ ภิกษุเหล่านั้นส่งภิกษุรูป 1 ไปสู่อาวาสใกล้เคียงพอจะกลับ
มาทันในวันนั้น ด้วยสั่งว่า อาวุโส เธอจงไปทำคืนอาบัตินั้นแล้วมา พวก
เราจักทำคืนอาบัตินั้นในสำนักเธอ ถ้าได้ภิกษุเช่นนั้นอย่างนี้ นั่นเป็นการดี ถ้า
ไม่ได้พึงส่งภิกษุรูป 1 ไปชั่วระยะกาล 7 วัน ด้วยสั่งว่า อาวุโส เธอจงไปทำ
คืนอาบัตินั้นแล้วมา พวกเราจักทำคืนอาบัตินั้น ในสำนักเธอ.
[190] ก็โดยสมัยนั้นแล ในอาวาสแห่งหนึ่ง สงฆ์ทั้งหมด ต้อง
สภาคาบัติ สงฆ์หมู่นั้นไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้จักโคตรของอาบัตินั้น มีภิกษุรูปอื่น
มาในอาวาสนั้น เธอเป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรง
มาติกา เป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา ละอาย รังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ภิกษุ
รูป 1 เข้าไปหาภิกษุนั้น แล้วได้เรียนถามข้อความนี้กะภิกษุนั้นว่า ภิกษุรูปใด
ทำอย่างนี้ด้วย อย่างนี้ด้วย ภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติชื่ออะไร ขอรับ.