เมนู

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพระดำริว่า เราจะพึงแสดงธรรม
แก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน ครั้นแล้วทรงพระดำริต่อ
ไปว่าภิกษุปัญจวัคคีย์มีอุปการะแก่เรามาก ได้บำรุงเราผู้ตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรอยู่
ถ้ากระไรเราพึงแสดงธรรมแก่ภิกษุปัญจวัคคีย์ก่อน ครั้นแล้วได้ทรงพระดำริต่อ
ไปว่า บัดนี้ภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ที่ไหนหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็น
ภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี ด้วย
ทิพพจักขุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุมนุษย์ ครั้งพระองค์ประทับอยู่ ณ อุรุเวลาประเทศ
ตามควรแก่พุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จจาริกไปทางพระนครพาราณสี.

เรื่องอุปกาชีวก


[1 ] อาชีวกชื่ออุปกะได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดำเนินทางไกล
ระหว่างแม่น้ำคยาและไม้โพธิพฤกษ์ ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า ดูก่อนอาวุโส อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณของท่านบริสุทธิ์
ผุดผ่อง ดูก่อนอาวุโส ท่านบวชอุทิศใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่าน
ชอบธรรมของใคร เมื่ออุปกาชีวกกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสพระคาถาตอบ อุปกาชีวกว่าดังนี้:-
เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้
ธรรมทั้งปวงอันตัณหาและทิฏฐิ ไม่ฉาบทา
แล้วในธรรมทั้งปวง ละธรรมเป็นไปในภูมิ
สานได้หมด พ้นแล้วเพราะความสิ้นไปแห่ง
ตัณหา เราตรัส รู้ยิ่งเองแล้วจะพึงอ้างใครเล่า
อาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเราก็ไม่มี บุคคล