เมนู

สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ด
เหนื่อยเปล่าแก่เรา จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา.
อนึ่ง อนัจฉริยคาถาเหล่านี้ ที่ไม่เคยได้สดับ ในกาลก่อน ปรากฏแก่
พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่าดังนี้:-

อนัจฉริยคาถา


บัดนี้ เรายังไม่ควรจะประกาศธรรม
ที่เราได้บรรลุแล้วโดยยาก เพราะธรรมนี้อัน
สัตว์ผู้อันราคะและโทสะครอบงำแล้วไม่ตรัส
รู้ได้ง่าย สัตว์ผู้อันราคะย้อมแล้วถูกกอง
อวิชชาหุ้มห่อแล้ว จักไม่เห็นธรรมอันละ-
เอียดลึกซึ้ง ยากที่จะเห็น ละเอียดยิ่ง อัน
จะยังสัตว์ให้ถึงธรรมที่ทวนกระแส คือพระ
นิพพาน.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาเห็นอยู่ ดังนี้ พระทัยก็น้อมไป
เพื่อความขวนขวายน้อย ไม่น้อมไปเพื่อทรงแสดงธรรม.

พรหมยาจนกถา


เรื่องพรหมทูลอารธนา


[8] ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระปริวิตกแห่งจิตของพระผู้-
มีพระภาคเจ้าด้วยใจของตนแล้วเกิดความปริวิตกว่า ชาวเราผู้เจริญ โลกจักฉิบ
หายหนอ โลกจักวินาศหนอ เพราะตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงน้อม
พระทัยไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่ทรงน้อมพระทัยไปเพื่อทรงแสดงธรรม.

ลำดับนั้น ท้าวสหับดีพรหมได้หายไปในพรหมโลก มาปรากฏ ณ
เบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดุจบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้
แขนที่เหยียดฉะนั้น ครั้นแล้วห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่าคุกชาณุมณฑลเบื้องขวา
ลงบนแผ่นดิน ประณมอัญชลีไปทางพระผู้มีภาคเจ้าแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มี.
พระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดทรงแสดงธรรม
ขอพระสุคตได้โปรดทรงแสดงธรรม เพราะสัตว์ทั้งหลายจำพวกที่มีธุลีในจักษุ
น้อยมีอยู่ เพราะไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมี.
ท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลดังนี้แล้ว จึงกราบทูลเป็นประพันธคาถา
ต่อไปว่า:-

พรหมนิคนคาถา


เมื่อก่อนธรรมไม่บริสุทธิ์อันคนมี
มลทินทั้งหลาย คิดแล้วได้ปรากฏในมคธชน-
บท ขอพระองค์ได้โปรดทรงเปิดประตูแห่ง
อมตธรรมนี้ ขอสัตว์ทั้งหลายจงฟังธรรมที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้หมดมลทินตรัสรู้
แล้วตามลำดับ เปรียบเหมือนบุรุษมีจักษุยืน
อยู่บนยอดภูเขา ซึ่งล้วนแล้วด้วยศิลา พึง
เห็นชุมชนได้โดยรอบฉันใด ข้าแต่พระองค์
ผู้มีปัญญาดี มีพระปัญญาจักษุรอบคอบ ขอ
พระองค์ผู้ปราศจากความโศกจงเสด็จขั้น สู่
ปราสาท อันสำเร็จด้วยธรรม แล้วทรง