เมนู

ด้วยวาจาสอง. สองพานิชนั้นครั้นประกาศความเป็นอุบายสกอย่างนั้นแล้ว ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ทีนี้ ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าพระองค์พึงทำการอภิวาท
และยืนรับใครเล่า พระเจ้าข้า ? พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงลูบพระเศียร. พระเกศา
ติดพระหัตถ์ ได้ประทานพระเกศาเหล่านั้น แก่เขาทั้งสอง ด้วยตรัสว่าท่านจง
รักษาผมเหล่านี้ไว้. สองพานิชนั้น ได้พระเกศธาตุราวกะได้อภิเษกด้วย
อมตธรรม รื่นเริงยินดีถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป.
อรรถกถาราชายตนกถา จบ

อัปโปสสุกกกถา


เรื่องความขวนขวายน้อย


[7] ครั้นล่วง 7 วัน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสมาธินั้น แล้ว
เสด็จจากควงไม้ราชายตนะ เข้าไปยังต้นไม้อชปาลนิโครธ ทราบว่า พระองค์
ประทับอยู่ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธนั้น และพระองค์เสด็จไปในที่สงัดหลีกเร้น
อยู่ ได้มีพระปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็น
คุณอันลึกเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่งลงสู่ความ
ตรึก ละเอียดเป็นวิสัยที่บัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง ส่วนหมู่สัตว์นี้เริงรมย์ด้วยอาลัย
ยินดีในอาลัย ชื่นชมในอาลัย ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็น
ต้นนี้ เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดชั้นนี้ อันหมู่สัตว์ผู้เริงรมย์ด้วยอาลัย ยินดีใน
อาลัย. ชื่นชมในอาลัยเห็นได้ยาก แม้ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง
เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท
หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้ นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได้ ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม

สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ด
เหนื่อยเปล่าแก่เรา จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา.
อนึ่ง อนัจฉริยคาถาเหล่านี้ ที่ไม่เคยได้สดับ ในกาลก่อน ปรากฏแก่
พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่าดังนี้:-

อนัจฉริยคาถา


บัดนี้ เรายังไม่ควรจะประกาศธรรม
ที่เราได้บรรลุแล้วโดยยาก เพราะธรรมนี้อัน
สัตว์ผู้อันราคะและโทสะครอบงำแล้วไม่ตรัส
รู้ได้ง่าย สัตว์ผู้อันราคะย้อมแล้วถูกกอง
อวิชชาหุ้มห่อแล้ว จักไม่เห็นธรรมอันละ-
เอียดลึกซึ้ง ยากที่จะเห็น ละเอียดยิ่ง อัน
จะยังสัตว์ให้ถึงธรรมที่ทวนกระแส คือพระ
นิพพาน.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาเห็นอยู่ ดังนี้ พระทัยก็น้อมไป
เพื่อความขวนขวายน้อย ไม่น้อมไปเพื่อทรงแสดงธรรม.

พรหมยาจนกถา


เรื่องพรหมทูลอารธนา


[8] ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระปริวิตกแห่งจิตของพระผู้-
มีพระภาคเจ้าด้วยใจของตนแล้วเกิดความปริวิตกว่า ชาวเราผู้เจริญ โลกจักฉิบ
หายหนอ โลกจักวินาศหนอ เพราะตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงน้อม
พระทัยไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่ทรงน้อมพระทัยไปเพื่อทรงแสดงธรรม.