เมนู

กรรมวาจาให้ติตถิยปริวาส


ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผู้มีชื่อผู้นี้ เคยเป็น
อัญญเดียรถีย์ หวังอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ เธอขอปริวาส 4
เดือนต่อสงฆ์ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงแล้ว สงฆ์พึงให้ปริวาส
4 เดือน แก่ผู้มีชื่อนี้ ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ นี้เป็นญัตติ.
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผู้มีชื่อนิ้ เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ หวังอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ เธอขอปริวาส ถ เดือน
ต่อสงฆ์ สงฆ์ให้ปริวาส 4 เดือนแก่ผู้มีชื่อ ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์
การให้ปริวาส 4 เดือนแก่ผู้มีชื่อนี้ ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ ชอบแก่
ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึง
พูด.
ปริวาส 4 เดือน สงฆ์ให้แล้ว แก่ผู้มีชื่อนี้ ผู้เคยเป็นอัญญู-
เดียรถีย์ ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วย
อย่างนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ปฏิบัติให้
สงฆ์ยินดี อย่างนี้แล เป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดีอย่างนี้.

ข้อปฏิบัติที่มิให้สงฆ์ยินดี


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างไรเล่า กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ ชื่อ
ว่า เป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี.
1. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ในพระธรรม
วินัยนี้ เข้าบ้านเช้าเกินไป กลับสายเกินไป แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติ
มิให้สงฆ์ยินดี.

2. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ เป็นผู้มีหญิงแพศยาเป็นโคจร มีหญิงหม้ายเป็นโคจร มีสาวเทื้อเป็น
โคจร มีบัณเฑาะก์เป็นโคจร หรือมีภิกษุณีเป็นโคจร แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็น
ผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี.
3. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ เป็นผู้ไม่ขยัน เกียจคร้านในการงานใหญ่น้อยของเพื่อนสพรหมจารี
ทั้งหลาย ไม่ประกอบด้วยปัญญาพิจารณาสอดส่อง ในการนั้น ไม่อาจ
ทำ ไม่อาจจัดการ แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี.
4. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ เป็นผู้ไม่สนใจในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล
อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี.
5. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ ตนหลีกมาจากสำนักเดียรถีย์แห่งครูคนใด เมื่อมีผู้กล่าวติดรูคนนั้น
ติดวามเห็น ความชอบใจ ความพอใจ และความยึดถือ ของครูคนนั้น ยัง
โกรธ ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ เมื่อมีผู้กล่าวที่พระพุทธเจ้า พระธรรม หรือ
พระสงฆ์ กลับพอใจ ร่าเริง ชอบใจ ก็หรือคนหลีกมาจากสำนักเดียรถีย์แห่ง
ครูคนใด เมื่อมีผู้กล่าวสรรเสริญครูคนนั้น สรรเสริญความเห็น ความชอบใจ
ความพอใจ และความยึดถือ ของครูคนนั้น ย่อมพอใจ ร่าเริง ชอบใจ
เมื่อมีผู้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรม หรือพระสงฆ์ กลับโกรธ ไม่
พอใจ ไม่ชอบใจ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้เป็นเครื่องสอบสวนในความปฏิบัติที่ไม่ชวน
ให้สงฆ์ยินดีแห่งกุลบุตรผู้เป็นเดียรถีย์.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ ชื่อว่า
เป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยิน
ดี เช่นนี้แล มาแล้ว ไม่พึงอุปสมบทให้.

ข้อปฏิบัติที่ให้สงฆ์ยินดี


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างไรเล่า กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็น
ผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
1. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ในพระธรรม
วินัยนี้ เข้าบ้านไม่เช้าเกินไป กลับไม่สายเกินไป แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้
ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
2. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ไม่เป็นผู้มีหญิงแพศยาเป็นโคจร ไม่มีหญิงหม้ายเป็นโคจร ไม่มีสาวเทื้อ
เป็นโคจร ไม่มีบัณเฑาะก์เป็นโคจรไม่มีภิกษุณีเป็นโคจร แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่า
เป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
3. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้านในการงานใหญ่น้อยของเพื่อนสพรหมจารีทั้ง
หลาย ประกอบด้วยปัญญาพิจารณาสอดส่องในการนั้น อาจทำได้ อาจจัดการ
ได้ แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
4. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ เป็นผู้สนใจในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต
อธิปัญญา แน่เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
5. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญ-
เดียรถีย์ตนหลีกมาจากสำนักเดียรถีย์แห่งครูคนใด เมื่อมีผู้กล่าวที่ครูคนนั้น ติ
ความเห็น ความชอบใจ ความพอใจ และความยึดถือ ของครูคนนั้น ย่อม