เมนู

พระอุปัชฌายะเป็นผู้มีปัญญาทราม สัทธิวิหาริกเป็นผู้มีปัญญา. แม้ภิกษุรูปหนึ่ง
เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เมื่อพระอุปัชฌายะว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม ได้ยกวาทะ
ขึ้นโต้เถียงแก่พระอุปัชฌายะ แล้วหลีกไปสู่ลัทธิเดียรถีย์นั้นตามเดิม.
บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย . . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉน ภิกษุทั้งหลายจึงได้อ้างว่า เรามีพรรษาได้ 10 แล้ว เรามีพรรษาได้ 10
แล้ว ดังนี้แต่ยังเป็นผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ให้อุปสมบท ปรากฏว่าพระ-
อุปัชฌายะเป็นผู้แหลมสัทธิวิหาริกเป็นผู้ฉลาด ปรากฏว่าพระอุปัชฌายะเป็นผู้
ไม่เฉียบแหลมสัทธิวิหาริกเป็นผู้เฉียดแหลม, ปรากฏว่าพระอุปัชฌายะเป็นผู้มี
สุตะน้อย สัทธิวิหาริกเป็นผู้มีสุตะมาก, ปรากฏว่าพระอุปัชฌายะเป็นผู้มีปัญญา
ทราม สัทธิวิหาริก เป็นผู้มีปัญญาเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ข่าวว่าภิกษุทั้งหลายอ้างว่า เรามีพรรษาได้ 10 แล้ว เรามีพรรษาได้
10 แล้ว ดังนี้ แต่ยังเป็นผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ให้อุปสมบท ปรากฏว่า
อุปัชฌายะเป็นผู้เขลา สัทธิวิหาริกเป็นผู้ฉลาด, ปรากฏว่าอุปัชฌายะเป็นผู้ไม่
เฉียบแหลมสัทธิวิหาริกเป็นผู้เฉียบแหลม, ปรากฏว่าอุปัชฌายะเป็นผู้มีสุตะน้อย
สัทธิวิหาริกเป็นผู้มีสุตะมาก, ปรากฏว่าอุปัชฌายะเป็นผู้มีปัญญาทราม สัทธิ-
วิหาริกเป็นผู้มีปัญญา จริงหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.