เมนู

มีพรรษาหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นแล้ว ถวายบังคมพระผู้มี
พระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ก็การที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงปราศรัยกับพระอาคัน-
ตุกะทั้งหลาย นั่นเป็นพุทธประเพณี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามท่าน
พระอุปเสนวังคันตบุตรว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ร่างกายของพวกเธอยังพอทน
ได้ ยังพอให้เป็นไปได้หรือ พวกเธอเดินทางมามีความลำบากน้อยหรือ ?
ท่านพระอุปเสนวังคันตบุตรกราบทูลว่า ยังพอทนได้ พระพุทธเจ้าข้า
ยังพอให้เป็นไปได้ พระพุทธเจ้า และพวกข้าพระพุทธเจ้าเดินทางมาก็มีความ
ลำบากน้อย พระพุทธเจ้าข้า.

พุทธประเพณี


พระตถาคตทั้งหลายทรงทราบอยู่ ย่อมตรัสถามก็มี ทรงทราบอยู่
ย่อมไม่ตรัสถามก็มี ทรงทราบกาลแล้วตรัสถาม ทรงทราบกาลแล้วไม่ตรัสถาม
พระตถาคตทั้งหลายย่อมตรัสถามสิ่งที่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ตรัสถามสิ่งที่
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ในสิ่งที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ พระองค์ทรงกำจัด
เสียด้วยข้อปฏิบัติ พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมทรงสอบถามภิกษุ
ทั้งหลายด้วยอาการ 2 อย่าง คือจักทรงแสดงธรรมอย่างหนึ่ง จักทรงบัญญัติ
สิกขาบทแก่ พระสาวกทั้งหลายอย่างหนึ่ง.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามท่านพระอุปเสนวังคันตบุตรว่า
เธอมีพรรษาได้เท่าไร ภิกษุ ?
อุป. ข้าพระพุทธเจ้ามีพรรษาได้สอง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ภิกษุรูปนี้เล่ามีพรรษาได้เท่าไร ?

อุป. มีพรรษาเดียว พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ภิกษุรูปนี้เป็นอะไรกับเธอ ?
อุป. เป็นสัทธิวิหาริกของข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียน


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระ
ทำของเธอนั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่
ควรทำ ดูก่อนโมฆบุรุษ เธอยังเป็นผู้อันผู้อื่นพึงโอวาทอนุศาสน์อยู่ ไฉนจึง
สำคัญคนเพื่อโอวาทอนุศาสน์ผู้อื่นเล่า เธอเวียนมาเพื่อความเป็นผู้มักมาก ซึ่ง
มีความพัวพันด้วยหมู่เร็วเกินนัก การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยิ่งไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใส
แล้ว . . . ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ภิกษุมีพรรษาหย่อน 10 ไม่พึงให้อุปสมบท รูปใดให้อุปสมบท ต้อง
อาบัติทุกกฏ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุมีพรรษาได้ 10 หรือมี
พรรษาเกิน 10 ให้อุปสมบท.

พระอุปัชฌายะและสัทธิวิหาริก


[91] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายคิดว่า เรามีพรรษาได้ 10 แล้ว
เรามีพรรษาได้ 10 แล้ว ดังนี้ แต่ยังเป็นผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ย่อมให้
อุปสมบท ปรากฏว่าพระอุปัชฌายะเป็นผู้เขลา สัทธิวิหาริกเป็นผู้ฉลาด ปรากฏ
ว่าพระอุปัชฌายะเป็นผู้ไม่เฉียบแหลม สัทธิวิหาริกเป็นผู้เฉียบแหลม, ปรากฏว่า
พระอุปัชฌายะ เป็นผู้มีสุตะน้อย สัทธิวิหาริกเป็นผู้มีสุตะมาก ปรากฏว่าพระ-