เมนู

สารีบุตรปริพาชิกได้ดวงตาเห็นธรรม


[66] ครั้นได้ฟังธรรมปริยายนี้ ดวงตาเห็นธรรมปราศจากธุลี
ปราศจากมลทินว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมี
ความคับไปเป็นธรรมดา ได้เกิดขึ้นแก่สารีบุตรปริพาชก:-
ธรรมนี้แหละถ้ามีก็เพียงนี้เท่านั้น
ท่านทั้งหลายจงแทงตลอดบทอันหาความ
โศกมิได้ บทอันหาความโศกมิได้นี้ พวก
เรายังไม่เห็น ล่วงเลยมาแล้วหลายหมื่นกัลป์


สารบุตรปริพาชกเปลื้องคำปฏิญญา


[67] เวลาต่อมา สารีบุตรปริพาชกเข้าไปหาโมคคัลลานปริพาชา
โมคคัลลานปริพาชกได้เห็นสารีบุตรปริพาชกเดินมาแต่ใกล้ ครั้น แล้วได้ถาม
สารีบุตรปริพาชกว่า ผู้มีอายุ อินทรีย์ของท่านผ่องใส ผิวพรรณของท่าน
บริสุทธิ์ผุดผ่องท่านได้บรรลุอมตธรรมแล้วกระมังหนอ.
สา. ถูกละ ผู้มีอายุ เราได้บรรลุอมตธรรมแล้ว.
โมค. ท่านบรรลุอมตธรรมได้อย่างไร ด้วยวิธีไร ?
สา. ผู้มีอายุ วันนี้เราได้เห็นพระอัสสชิกำลังเที่ยวบิณฑบาตใน
พระนครราชคฤห์ มีมรรยาทก้าวไป ถอยกลับ แลเหลียว เหยียดแขน คู้แขน
น่าเลื่อมใสมีนัยน์ตาทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถ ครั้นแล้วเราได้มีความดำริ
ว่า บรรดาพระอรหันต์หรือท่านผู้ได้บรรลุอรหันต์มรรคในโลก ภิกษุรูปนี้คง
เป็นผู้ใดผู้หนึ่งแน่ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปหาภิกษุรูปนี้ แล้วถามว่า ท่าน
บวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร เรา

นั้นได้ยังคิดว่า ยังเป็นกาลไม่สมควรจะถามภิกษุรูปนี้ เพราะท่านยังกำลังเข้า
ละแวกบ้านเที่ยวบิณฑบาต ผิฉะนั้นเราพึงติดตามภิกษุรูปนี้ไปข้างหลัง ๆ
เพราะเป็นทางอันผู้มุ่งประโยชน์ทั้งหลายจะต้องสนใจ ลำดับนั้น พระอัสสชิ
เที่ยวบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ ถือบิณฑบาตกลับไปแล้ว. ต่อมา เราได้
เข้าไปหาพระอัสสชิ ครั้นถึงแล้ว ได้พูดปราศรัยกับพระอัสสชิ ครั้นผ่านการ
พูดปราศรัยพอให้เป็นที่บันเทิง เป็นที่ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง เรายืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคำนี้ต่อพระอัสสชิ
ว่า อินทรีย์ของท่านผ่องใส ผิวพรรณของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวช
เฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร ขอรับ.
พระอัสสชิตอบว่า มีอยู่ ท่าน พระมหาสมณะศากยบุตรเสด็จออกทรงผนวช
จากศากยตระกูล เราบวชเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นศาสดาของเรา และเราชอบใจธรรมของพระผู้มี
พระภาคเจ้าพระองค์นั้น. เราได้ถามพระอัสสชิต่อไปว่า ก็พระศาสดาของท่าน
สอนอย่างไร แนะนำอย่างไร ? พระอัสสชิตอบ'ว่า เราเป็นคนใหม่ บวชยังไม่
นาน พึ่งมาสู่พระธรรมวินัยนี้ ไม่อาจแสดงธรรมแก่ท่านกว้างขวาง แต่จัก
กล่าวใจความแก่ท่านโดยย่อ. เราได้เรียนว่า น้อยหรือมาก นิมนต์กล่าวเถิด
ท่านจงกล่าวแต่ใจความแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการใจความอย่างเดียว ท่านจัก
ทำพยัญชนะให้มากทำไม.
[68] ผู้มีอายุ ครั้งนั้น พระอัสสชิได้กล่าวคำปริยายนี้ ว่าดังนี้:-
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระ-
ตถาคตทรงแสวงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหา-
สมณะทรงสั่งสอนอย่างนี้.

โมคคัลลานปริพาชกได้ดวงตาเห็นธรรม


[69] ครั้นได้ฟังธรรมปริยายนี้ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี
ปราศจากมลทินว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมี
ความคับไปเป็นธรรมดา ได้เกิดขึ้นแก่โมคคัลลานปริพาชกะ
ธรรมนี้แหละถ้ามีก็เพียงนิเท่านั้น
ท่านทั้งหลายแทงตลอดบทอันหาความโศก
มีได้ บทอันหาความโศกมิได้นี้ พวกเรายัง
ไม่เห็น ล่วงเลยมาแล้วหลายหมื่นกัลป.


สองสหายอำลาอาจารย์


[70] ครั้งนั้น โมคคัลลานปริพาชกได้กล่าวชักชวนสารีบุตรปริพา-
ชกว่า ผู้มีอายุ เราพากันไปสำนักพระผู้พระภาคเจ้าเถิด เพราะพระผู้มี
พระภาคเจ้านั้นเป็นพระศาสดาของเรา.
สารีบุตรปริพาชกกล่าวว่า ผู้มีอายุ ปริพาชก 250 คนนี้อาศัยเรา
เห็นแก่เรา จึงอยู่ในสำนักนี้ เราจงบอกกล่าวพวกนั้นก่อน พวกนั้นจักทำตาม
ที่เช้าใจ.
ลำดับนั้น สารีบุตรโมคคัลลานะพากันเข้าไปหาปริพาชกเหล่านั้น
ครั้นถึงแล้วได้กล่าวคำนี้ต่อพวกปริพาชกนั้นว่า ท่านทั้งหลาย เราจะไปใน
สำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นพระศาสดาของเรา.
พวกปริพาชกตอบว่า พวกข้าพเจ้าอาศัยท่าน. เห็นแก่ท่านจึงอยู่ใน
สำนักนี้ ถ้าท่านจักประพฤติพรหมจรรย์ในพระมหาสมณะ พวกข้าพเจ้าทั้ง
หมดก็จักประพฤติพรหมจรรย์ในพระมหาสมณะด้วย.