เมนู

ที่ชื่อว่า บุรุษบุคคล ได้แก่ มนุษย์ผู้ชาย ไม่ใช่ยักษ์ผู้ชาย ไม่ใช่
เปรตผู้ชาย ไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉานตัวผู้ เป็นผู้รู้ความ สามารถเพื่อจะยินดียิ่งนัก.
ที่ชื่อว่า ของเคี้ยว คือ ยกเว้นโภชนะ 5 อย่าง กับน้ำและไม้สีฟัน
นอกนั้นชื่อว่าของเคี้ยว.
ที่ชื่อว่า ของฉัน ได้แก่โภชนะทั้งห้า คือ ข้าวสุก 1 ขนมสด 1
ขนนแห้ง 1 ปลา 1 เนื้อ 1.
ภิกษุณีรับประเคนด้วยตั้งใจว่า จักเคี้ยว จักฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย
กลืนกิน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุก ๆ คำกลืน.
[54] บทว่า ภิกษุณีแม้นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเทียบเคียง
ภิกษุณีรูปก่อน ๆ.
บทว่า มีอันให้ต้องอาบัติขณะแรกทำ คือ ต้องอาบัติพร้อมกับ
การล่วงวัตถุ โดยไม่ต้องสวดสมนุภาส.
ที่ชื่อว่า นิสสารณียะ ได้แก่ ถูกขับออกจากหมู่สงฆ์.
บทว่า สังฆาทิเสส ความว่า สงฆ์เท่านั้นให้มานัต. . .แม้เพราะ
เหตุนั้น จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส.
รับประเคนน้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทภาชนีย์


[55] ฝ่ายหนึ่งมีความพอใจ รับประเคนด้วยตั้งใจว่า จักเคี้ยวจักฉัน
ต้องอาบัติทุกกฏ กลืนกิน ต้องอาบัติถุลลัจจัยทุก ๆ คำกลืน รับประเคนน้ำ
และไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ.

ทั้งสองฝ่ายมีความพึงพอใจ รับประเคนจากมือยักษ์ผู้ชาย เปรตผู้ชาย
บัณเฑาะก์ หรือสัตว์ดิรัจฉานตัวผู้ที่มีกายคล้ายมนุษย์ ด้วยตั้งใจว่า จักเคี้ยว
จักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ กลืนกิน ต้องอาบัติถุลลัจจัย ทุก ๆ คำกลืน รับ
ประเคนน้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
เขามีความพึงพอใจฝ่ายเดียว รับประเคนด้วยตั้งใจว่า จักเคี้ยว จักฉัน
ต้องอาบัติทุกกฏ กลืนกิน ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำกลืน รับประเคนน้ำ
และไม้ชำระฟันต้องอาบัติทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


[56] ทั้งสองฝ่ายไม่มีความพึงพอใจ 1 รู้อยู่ว่าเขาไม่มีความพึงพอใจ
จึงรับประเคน 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 5 จบ

อรรถกถาสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 5


วินิจฉัย ในสิกขาบทที่ 5 พึงทราบดังนี้ :-
ท่านกล่าวไว้ในมหาปัจจรีว่า ในคำว่า เอกโต อวสฺสุเต นี้บัณฑิต
พึงเห็นว่า ภิกษุณีเป็นผู้มีความพึงพอใจ. แต่ในมหาอรรถกถาท่านไม่ได้กล่าว
คำว่า ฝ่ายหนึ่งมีความพึงพอใจนี้ไว้. คำนั้นสมด้วยพระบาลี. คำที่เหลือตื้น
ทั้งนั้น .
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐานดุจปฐมปาราชิก เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์
สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนาดังนี้แล.
อรรถกถาสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 5 จบ