เมนู

พระเถรีขอร้องว่า สกุลญาติของเธออยู่ที่ตำบลบ้านโน้น ขอแม่เจ้า
ช่วยโปรดไปสืบถามดูที่บ้านนั้นที.
ภิกษุณีทั้งหลายไปที่บ้านนั้น พบเธอแล้วถามว่า แม่เจ้า ทำไมเธอ
จึงมาคนเดียวเล่า ไม่ถูกคนรังแกบ้างหรือ.
ภิกษุณีนั้นตอบว่า ไม่ถูกเจ้าข้า.
บรรดาภิกษุณีทั้งหลายที่เป็นผู้มักน้อย . . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีจึงได้ไปในละแวกบ้านคนเดียวเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีผู้เดียวไปในละแวกบ้าน จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเข้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณี
ผู้เดียวจึงได้ไปในละแวกบ้านเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขานี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


11. 3. อนึ่ง ภิกษุณีใด ผู้เดียวไปสู่ละแวกบ้าน ภิกษุณี
แม้นี้ก็ต้องธรรมคือสังฆาทิเสส ชื่อนิสสารณียะ มีอันให้ต้องอาบัติ
ขณะแรกทำ.

ก็สิกขาบทนี้ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุณี
ทั้งหลายด้วยประการฉะนี้.
เรื่องอันเตวาสินีของพระเถรีภัททากาปิลานี จบ

พระอนุบัญญัติ 1


เรื่องภิกษุสองรูป


[41] สมัยต่อมา ภิกษุณีสองรูปเดินทางจากเมืองสาเกตไปพระนคร
สาวัตถี ในระหว่างทางต้องข้ามแม่น้ำ จึงภิกษุณีสองรูปนั้นเข้าไปหาพวกคนพาย
เรือแล้ววิงวอนว่า ขอท่านได้โปรดสงเคราะห์ให้พวกข้าพเจ้าข้ามฟากสักหน่อย.
พวกคนเรือกล่าวว่า แม่เจ้าทั้งหลาย พวกข้าพเจ้าไม่สามารถให้ข้ามแม่
น้ำคราวเดียวสองรูปได้ แล้วคนเรือคนหนึ่งยังภิกษุณีรูปหนึ่งให้ข้ามฟาก เขา
ข้ามถึงฝั่งแล้วได้ข่มขืนใจภิกษุณีรูปที่ข้ามฟาก คนเรือที่ยังไม่ข้ามฟากมาก็ข่ม
ขืนใจภิกษุณีรูปที่ยังไม่ข้ามฟากมา.
เธอทั้งสองนั้นภายหลังพบกันแล้วถามกันขึ้นว่า เธอไม่ถูกรังแกดอก
หรือ.
รูปที่ถูกถามตอบว่า ดิฉันถูก เจ้าค่ะ ก็เธอไม่ถูกรังแกหรือ.
อีกรูปหนึ่งตอบว่า ดิฉันก็ถูก เจ้าค่ะ.
ครั้นภิกษุณีเหล่านั้นไปถึงพระนครสาวัตถีแล้ว ได้แจ้งเรื่องนั้นแก่
ภิกษุณีทั้งหลาย บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย . . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีรูปเดียว จึงไปสู่ฝั่งแม่น้ำ แล้วแจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ๆ กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้พระภาคเจ้า.