เมนู

สองบทว่า ฐเปตฺวา กปฺปํ มีความว่า เว้นหญิงผู้ได้ข้ออ้างเคย
บวชแล้วในหมู่เดียรถีย์ หรือในหมู่ภิกษุณีอื่น. คำที่เหลือตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีการให้หญิงโจรบวชเป็นสมุฏฐาน เกิดขึ้นทางวาจากับ
จิต สำหรับภิกษุณีผู้เมื่อพวกภิกษุณีหลีกไปด้วยกรณียะบางอย่าง ไม่ไปยัง
ขัณฑสีมา ให้หญิงโจรบวชกับบริษัทผู้เป็นนิสิตของตน ในสถานที่ตามที่ตน
นั่งอยู่นั่นแล เกิดขึ้นทางกายวาจากับจิต สำหรับภิกษุณีผู้ไปยังขัณฑสีมา หรือ
แม่น้ำแล้วให้บวช เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยาด้วยอำนาจการไม่บอกกล่าวการ
ให้บวชเป็นสัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม
มีจิต 3 มีเวทนา 3 ดังนี้แล.
อรรถกถาสิกขาบทที่ 2 จบ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 3


เรื่องอันเตวาสิกของพระเถรีภัททกาปิลานี


[40] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นภิกษุณีอันเตวาสินี
ของพระเถรีภัททากาปิลานี ทะเลาะกับภิกษุณีทั้งหลายแล้วหนีไปสกุลญาติใน
หมู่บ้านตำบลหนึ่ง พระเถรีภัททากาปิลานีไม่เห็นนาง จึงถามภิกษุณีทั้งหลาย
ว่า ภิกษุณีมีชื่อนี้หายไป.
ภิกษุณีทั้งหลายตอบว่า เธอทะเลาะกับภิกษุณีทั้งหลาย แล้วก็หายไป
เจ้าค่ะ.