เมนู

ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 13


เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง


[480] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับ อยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
รูปหนึ่งไม่มีผ้ารัดถัน เข้าไปเพื่อบิณฑะในหมู่บ้าน ลมบ้าหมูพัดเวิกผ้าสังฆาฏิ
ขึ้นที่ถนนนั้น คนทั้งหลายได้ส่งเสียงว่าถันและท้องของแม่เจ้าสวย ภิกษุณี
รูปนั้นถูกคนทั้งหลายเยาะเย้ยได้เป็นผู้เก้อเขิน ครั้นนางไปถึงสำนักแล้ว ได้เล่า
เรื่องนั้นให้ภิกษุณีทั้งหลายฟัง.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
ว่า ไฉนภิกษุณีจึงไม่มีผ้ารัดถันเข้าบ้านเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า ภิกษุณีไม่มีผ้ารัดถันเข้าบ้าน จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีจึงไม่มีผ้ารัดถันเข้าบ้านเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อ
ความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้;-

พระบัญญัติ


151. 13. อนึ่ง ภิกษุณีใด ไม่มีผ้ารัดถัน เข้าบ้าน เป็น
ปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง จบ

สิกขาบทวิภังค์


[481] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . .นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า ไม่มีผ้ารัดถัน คือปราศจากผ้ารัดนม.
ที่ชื่อว่า ผ้ารัดถัน ได้แก่ ผ้าที่ใช้ปกปิดอวัยวะเบื้องต่ำแต่รากขวัญ
ลงมา เบื้องบนตั้งแต่นาภีขึ้นไป.
คำว่า เข้าบ้าน คือ บ้านที่มีเครื่องล้อม เดินเลยเครื่องล้อมต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[482] มีจีวรถูกชิงไป 1 มีจีวรหาย 1 อาพาธ 1 หลงลืมไป 1
ไม่รู้ตัว 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.

ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 13 จบ
ฉัตตุปาหนวรรคที่ 9 จบ


1. วรรคที่ 10 ถึงวรรคที่ 16 มีวรรคละ 10 สิกขาบท คือ มุสาวาทวรคที่ 10 มี 10 สิกขาบท
ภูคคามวรรคที่ 11 มี 10 สิกขาบท โภชนวรรคที่ 12 มี 10 สิกขาบท จริตตวรรคที่ 13 มี 10
สิกขาบท โชติวรรคที่ 14 มี 10 สิกขาบท ทิฏฐิวรรคที่ 15 มี 10 สิกขาบท ธัมมิกวรรคที่ 16
มี 10 สิกขาบท รวมอีก 70 สิกขาบท เป็นอุภโตบัญญัติ ผู้ปรารถนาพึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้ว
ในภิกขุวิภังค์โน้นเทอญ.