เมนู

ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 10


เรื่องภิกษุณีหลายรูป


โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลาย
ใช้สตรีคฤหัสถ์ให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง คนทั้งหลายเที่ยวไปในวิหารพบเห็น
แล้ว พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ใช้
สตรีคฤหัสถ์ให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง เหมือนสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณี
ทั้งหลายจึงได้ใช้สตรีคฤหัสถ์ให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้างเล่า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า พวกภิกษุณีใช้สตรีคฤหัสถ์ให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
พวกภิกษุณีจึงได้ใช้สตรีคฤหัสถ์ให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้างเล่า การกระทำของ
พวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


148. 10. อนึ่ง ภิกษุณีใด ยังสตรีคฤหัสถ์ให้นวดก็ดี ให้
ฟั้นก็ดี เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์


บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า สตรีคฤหัสถ์ ได้แก่ สตรีที่เรียกว่าผู้ครองเรือน.
บทว่า ให้นวด คือ ให้บีบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า ให้ฟั้น คือ ให้ขยำ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


เหตุอาพาธ 1 มีเหตุจำเป็น 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้อง
อาบัติแล.
ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 10 จบ

อรรถกถาฉัตตวรรค สิกขาบทที่ 8-9-10


ใน 3 สิกขาบท มีสิกขาบทที่ 8 เป็นต้น. คำว่า สิกฺขมานาย
สามเณริยา คิหินิยา
นี้เท่านั้นทำให้ต่างกัน. คำที่เหลือ เหมือนกันกับคำ
ที่กล่าวแล้วในสิกขาบทที่ 7 นั้นแล.
อรรถกถาฉัตตวรรค สิกขาบทที่ 8-9-10 จบ