เมนู

ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 7


เรื่องภิกษุณีหลายรูป


[466] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับ อยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ทั้งหลายใช้ภิกษุณีให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง คนทั้งหลายเที่ยวไปในวิหารพบ
เห็นแล้ว พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้
ใช้ภิกษุณีให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง เหมือนสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย . . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณี
ทั้งหลายจึงได้ใช้ภิกษุณีให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าพวกภิกษุณีใช้ภิกษุณีให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้าง จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
พวกภิกษุณีจึงได้ใช้ภิกษุณีให้นวดบ้าง ให้ฟั้นบ้างเล่า การกระทำของพวกนาง
นั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


145. 7. อนึ่ง ภิกษุณีใด ยังภิกษุณีให้นวดก็ดี ให้ฟั้นก็ดี
เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์


[467] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า ยังภิกษุณี ได้แก่ ภิกษุณีรูปอื่น.
บทว่า ให้นวด คือ ให้บีบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า ให้ฟั้น คือ ให้ขยำ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[868] อาพาธ 1 มีเหตุจำเป็น 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่
ต้องอาบัติแล.

ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 7 จบ