เมนู

กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 13


เรื่องภิกษุณีหลายรูป


[441] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ทั้งหลายบวชสิกขมานาสองรูปต่อ 1 ปี ที่สำนักอาศัยก็ไม่พอดังเดิม คนทั้งหลาย
จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา เหมือนอย่างนั้นว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้
บวชสิกขมานาสองรูปต่อ 1 ปีเล่า ที่อาศัยจึงไม่พอดังเดิม
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณี
ทั้งหลายจึงได้บวชสิกขมานาสองรูปต่อ 1 ปีเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าพวกภิกษุณีบวชสิกขมานาสองรูปต่อ 1 ปี จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีทั้งหลายจึงได้บวชสิกขมานาสองรูปต่อ 1 ปีเล่า การกระทำของนางนั่น
ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


138. 13. อนึ่ง ภิกษุณีใด ฝนหนึ่งยังสิกขมานา 2 รูปให้
บวช เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์


[442] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า ฝนหนึ่ง คือ ปีหนึ่ง.
บทว่า ยังสิกขมานา 2 รูปให้บวช คือ ยังสิกขมานา 2 รูป ให้
อุปสมบท.
ตั้งใจว่า จักยังสิกขมานา 2 รูป ให้อุปสมบท แล้วแสวงหาคณะก็ดี
อาจารย์ก็ดี บาตรก็ดี จีวรก็ดี สมมติสีมาก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ จบญัตติ ต้องอา-
บัติทุกกฏ จบกรรมวาจา 2 ครั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ 2 ตัว จบกรรมวาจาครั้งสุด
ภิกษุณีผู้อุปัชฌาย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ คณะและอาจารย์ ต้องอาบัติทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


[443] เว้นระยะปีหนึ่ง บวชสิกขามานารูปเดียว 1 วิกลจริต 1
อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 13 จบ
กุมารีภูตวรรคที่ 8 จบ