เมนู

อนาปัตติวาร


[431] ไม่รู้ ให้อุปสมบท 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้อง
อาบัติแล.
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 9 จบ

อรรถกถากุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 9


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 9 พึงทราบดังนี้:-
บทว่า โสกวสํ มีความว่า นางสิกขมานาใด ทำการนัดหมายแล้ว
(ไม่ไปตามนัด) ยังความโศกให้เข้าไปภายในใจของพวกบุรุษ เพราะฉะนั้น
สิกขมานานั้น จึงชื่อว่า ผู้ยังชายให้ระทมโศก. บวชให้สิกขมานาผู้ยังชายให้
ระทมโศกนั้น. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ว่า ที่ชื่อว่า ผู้ยัง
ชายให้ระทมโศก คือ ก่อทุกข์ให้เกิดแก่ชายอื่น.
อีกอย่างหนึ่ง นางสิกขมานาแม้นี้ เมื่อไม่ได้สมาคมกับบุรุษย่อมเข้าสู่
ความโศกเศร้าเสียเอง ดุจหญิงเจ้าของเรื่องเข้าสู่เรือนฉะนั้น. นางสิกขมานา
เข้าสู่ความโศกใด ด้วยอาการอย่างนี้ ความโศกนั้นเป็นที่อยู่แห่งสิกขมานานั้น
เหตุนั้น สิกขมานานั้น จึงชื่อว่า มีความโศกเป็นที่อยู่. ด้วยเหตุนั้น พระผู้-
มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ย่อมนำความโศกมา.
บทว่า อชานนฺตี ได้แก่ ไม่รู้ว่า ผู้นี้ เป็นเช่นนี้. คำที่เหลือ
ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน 3 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล.
อรรถกถากุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 9 จบ

กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 10


เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา


[432] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ถุลลนันทาบวชสิกขมานาผู้อันมารดาบิดาบ้าง อันสามีบ้าง ยังมิได้อนุญาต
มารดาบิดาบ้าง สามีบ้าง จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้า
ถุลลนันทาจึงได้บวชสิกขมานาที่พวกเรายังมิได้อนุญาตเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินมารดาบิดาบ้าง สามีบ้าง เพ่งโทษ ติเตียน โพน-
ทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า-
ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้บวชสิกขมานาผู้อันมารดาบิดาบ้าง อันสามีบ้าง ยัง
มิได้อนุญาตเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาบวชสิกขมานาผู้อันมารดาบิดาบ้าง สามีบ้าง ยังมิได้
อนุญาต จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้บวชสิกขมานาผู้อันมารดาบิดาบ้าง อันสามีบ้าง ยังมิได้
อนุญาตเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่
ยังไม่เลื่อมใส. . .