เมนู

อนาปัตติวาร


[422] บ่นว่าภิกษุณีสงฆ์ผู้ทำ เพราะฉันทาคติ เพราะโทสาคติ
เพราะโมหาคติ เพราะภยาคติ โดยปกติ 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่
ต้องอาบัติแล.
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 6 จบ

อรรถกถากุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 4-5-6


คำทั้งหมดในสิกขาบทที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ตื้นทั้งนั้น. ทุกสิกขาบท
มีสมุฏฐาน 3. สิกขาบทที่ 4 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ ปัณณัตติ-
วัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล.
สิกขาบทที่ 5 เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล. ส่วนว่า
คำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในสิกขาบทที่ 5 นี้ว่า สงฺเฆน ปริจฺฉินฺ-
ทิตพฺพา
มีใจความว่า อันสงฆ์พึงพิจารณาดู.
สิกขาบทที่ 6 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ
กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนาแล. แต่คำที่ตรัสไว้ใน
สิกขาบทที่ 6 นี้ว่า ปริจฺฉินฺทิตฺวา มีใจความว่า ได้พิจารณาดูแล้ว.

อรรถกถากุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 4-5-6 จบ

กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 7


เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา


[423] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น สิกขมา-
นารูปหนึ่ง เข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาขออุปสมบท ภิกษุณีถุลลนันทากล่าวกะ
สิกขมานารูปนั้นว่า ดูก่อนแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา เมื่อได้เช่นนี้ เรา
จึงจะให้เธออุปสมบทแล้วไม่ให้นางอุปสมบท ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบท
สิกขมานารูปนั้น จึงได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
ว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้กล่าวกะสิกขมานาว่า ดูก่อนแม่เจ้า ถ้าเธอจัก
ให้จีวรแก่เรา เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้เธออุปสมบท แล้วไม่ให้นางอุปสมบท
ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบทเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า ภิกษุณีถุลลนันทาได้กล่าวกะสิกขมานาว่า ดูก่อนแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้
จีวรแก่เรา เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้เธออุปสมบท แล้วไม่ให้นางอุปสมบท
ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบท จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้กล่าวกะสิกขมานาว่า ดูก่อนแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่