เมนู

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีจัณฑกาลีอันภิกษุณีสงฆ์กล่าวอยู่ว่า ดูก่อนแม่เจ้า เธอยังไม่สมควรให้
กุลธิดาบวชก่อน ดังนี้ รับคำว่า ดีแล้ว ภายหลังจึงได้ถึงการบ่นว่าเล่า การ
กระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้. . .

พระบัญญัติ


131. 6. อนึ่ง ภิกษุณีใด อันภิกษุณีสงฆ์กล่าวอยู่ว่า ดู
ก่อนแม่เจ้า เธอยังไม่สมควรให้กุลธิดาบวชก่อน ดังนี้ รับคำว่า
ดีแล้ว ภายหลังถึงธรรมคือบ่นว่า เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีจัณฑกาลี จบ

สิกขาบทวิภังค์


[421] บทว่า อนึ่ง. . . ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้ .
คำว่า ดูก่อนแม่เจ้า เธอยังไม่สมควรให้กุลธิดาบวชก่อน
ความว่า ดูก่อนแม่เจ้า เธอยังไม่ควรก่อน ที่จะเป็นผู้ให้กุลธิดาอุปสมบท.
คำว่า รับคำว่า ดีแล้ว ความว่า ถึงธรรมคือบ่นว่าในภายหลัง
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.


อนาปัตติวาร


[422] บ่นว่าภิกษุณีสงฆ์ผู้ทำ เพราะฉันทาคติ เพราะโทสาคติ
เพราะโมหาคติ เพราะภยาคติ โดยปกติ 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่
ต้องอาบัติแล.
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 6 จบ

อรรถกถากุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 4-5-6


คำทั้งหมดในสิกขาบทที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ตื้นทั้งนั้น. ทุกสิกขาบท
มีสมุฏฐาน 3. สิกขาบทที่ 4 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ ปัณณัตติ-
วัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล.
สิกขาบทที่ 5 เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล. ส่วนว่า
คำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในสิกขาบทที่ 5 นี้ว่า สงฺเฆน ปริจฺฉินฺ-
ทิตพฺพา
มีใจความว่า อันสงฆ์พึงพิจารณาดู.
สิกขาบทที่ 6 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ
กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนาแล. แต่คำที่ตรัสไว้ใน
สิกขาบทที่ 6 นี้ว่า ปริจฺฉินฺทิตฺวา มีใจความว่า ได้พิจารณาดูแล้ว.

อรรถกถากุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 4-5-6 จบ