เมนู

แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุณีชื่อนี้ผู้นี้ มีพรรษาครบ
12 แล้ว ขอสมมติการให้อุปสมบทต่อสงฆ์ สงฆ์ให้สมมติการให้
อุปสมบทแก่ภิกษุณีชื่อนี้ ผู้มีพรรษาครบ 12 แล้ว การให้สมมติ
การให้อุปสมบทแก่ภิกษุณีชื่อนี้ ผู้มีพรรษาครบ 12 แล้ว ชอบแก่
แม่เจ้าผู้ใด แม่เจ้าผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่แม่เจ่าผู้ใด แม่เจ้า
ผู้นั้นพึงพูด.
การให้สมมติการให้อุปสมบท อันสงฆ์ให้แล้วแก่ภิกษุณีชื่อ
นี้ ผู้มีพรรษาครบ 12 แล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้า
ทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนภิกษุณีเหล่านั้น โดยอเนกปริยาย ดังนี้
แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


130. 5. อนึ่ง ภิกษุณีใด มีพรรษาครบ 12 แล้ว อัน
สงฆ์ยังมิได้สมมติ ยังกุลธิดาให้บวช เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์


[417] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า มีพรรษาครบ 12 แล้ว คือ มีพรรษาถึง 12 แล้ว.

ที่ชื่อว่า ยังมิได้สมมติ คือ สงฆ์ยังมิได้ให้สมมติการให้อุปสมบท
ด้วยญัตติทุติยกรรม.
บทว่า ยังกุลธิดาให้บวช คือ ให้กุลธิดาอุปสมบท.
ตั้งใจว่าจักให้บวช แสวงหาคณะก็ดี อาจารย์ก็ดี บาตรก็ดี จีวรก็ดี
สมมติสีมาก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ จบกรรมวาจา
สองครั้ง ต้องอาบัติทุกกฏสองตัว จบกรรมวาจาครั้งสุด ภิกษุณีผู้อุปัชฌาย์
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ คณะและอาจารย์ ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์


[418] กรรมเป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่ากรรมเป็นธรรม ให้บวช
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
กรรมเป็นธรรม ภิกษุณีสงสัย ให้บวช ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
กรรมเป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่ากรรมไม่เป็นธรรม ให้บวช ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

ติกะทุกกฏ


กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่ากรรมเป็นธรรม ต้องอาบัติทุกกฏ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่ากรรมไม่เป็นธรรม ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


[419] มีพรรษาครบ 12 แล้ว อันสงฆ์สมมติแล้ว ยังกุลธิดาให้
บวช 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 5 จบ