เมนู

คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 10


เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา


[398] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับ อยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ถุลลนันทาบวชสหชีวินีไว้แล้ว ไม่พาไปด้วย ไม่ให้ผู้อื่นพาไปด้วย นายได้
จับตัวไป.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
ว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาบวชสหชีวินีไว้แล้ว จึงไม่พาไปด้วย ไม่ให้ผู้อื่นพา
ไปด้วยเล่า นายได้จับตัวไป ถ้าภิกษุณีนี้ พึงไปด้วย นายก็จะไม่พึงจับตัวไป
ได้. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาบวชสหชีวินีไว้แล้ว ไม่พาไปเอง ไม่ให้ผู้อื่นพาไป
นายได้จับตัวไปแล้ว จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีถุลลนันทาบวชสหชีวินีไว้แล้ว จึงได้ไม่พาไป ไม่ให้ผู้อื่นพาไป นาย
จึงได้จับตัวไป การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน
ที่ยังไม่เลื่อมใส . . .

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


125. 10. อนึ่ง ภิกษุณีใด ยังสหชีวินีให้บวชแล้ว ไม่พา
หลีกไป ไม่ให้พาหลีกไป โดยที่สุดแม้สั้นระยะทาง 5- 6 โยชน์
เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ

สิกขาบทวิภังค์


[399] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . .นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า สหชีวินี ได้แก่ ภิกษุณีที่เขาเรียกกันว่าสัทธิวิหารินี.
บทว่า ให้บวชแล้ว คือ ให้อุปสมบทแล้ว.
บทว่า ไม่พาหลีกไป คือ ตนเองไม่พาหลีกไป.
บทว่า ไม่ให้พาหลีกไป คือ ไม่สั่งผู้อื่น.
พอทอดธุระว่า จักไม่พาหลีกไป จักไม่ให้พาหลีกไป โดยที่สุดแม้
สิ้นระยะทาง 5-6 โยชน์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[400] มีอันตราย 1 แสวงหาแล้วไม่ได้ภิกษุณีผู้สหาย 1 มีเหตุขัด-
ข้อง 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 10 จบ
คัพภินีวรรคที่ 7 จบ