เมนู

สิกขาบทวิภังค์


[373] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้ .
บทว่า สองฝน คือ สองปี.
ที่ชื่อว่า ผู้ยังมิได้ศึกษาสิกขา คือ สิกขาอันภิกษุณียังมิได้ให้หรือ
ให้แล้วแต่สิกขมานาทำขาดเสีย.
บทว่า ให้บวช คือ ให้อุปสมบท.
ตั้งใจว่าจักให้บวช แล้วแสวงหาคณะก็ดี อาจารย์ก็ดี บาตรก็ดี จีวร
ก็ดี สมมติสีมาก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ จบกรรม
วาจา 2 ครั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ 2 ตัว จบกรรมวาจาครั้งสุด ภิกษุณีผู้อุปัชฌาย์
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ คณะและอาจารย์ ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทภาชนีย์


ติกะปาจิตตีย์


[374] กรรมเป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่า กรรมเป็นธรรม ให้บวช
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
กรรมเป็นธรรม ภิกษุณีสงสัย ให้บวช ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
กรรมเป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่า กรรมไม่เป็นธรรม ให้บวช ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

ติกะทุกกฏ


กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่า กรรมเป็นธรรม ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุณีสำคัญว่า กรรมไม่เป็นธรรม ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


[375] บวชสิกขมานาผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ประการ ตลอด
2 ปี 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล
คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 3 จบ

อรรถกถาคัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 3


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 3 พึงทราบดังนี้ :-
สองบทว่า สิกฺขาสมฺมตึ ทาตุํ มีความว่า ถามว่า เพราะเหตุไร
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงประทานให้สงฆ์ ให้สิกขาสมมติ.
แก้ว่า ทรงทำในพระหฤทัยว่า ธรรมดามาตุคาม เป็นคนโลเล ยัง
ไม่ได้ศึกษาในธรรม 6 ข้อ ถึง 2 ปี จะบำเพ็ญศีลให้บริบูรณ์ได้ลำบาก แต่
ครั้นได้ศึกษาแล้ว จักไม่ลำบากในภายหลัง คือ จักช่วยตัวได้ (จักยิ่งสิกขาบท
6 ข้อให้สำเร็จได้) จึงได้ทรงประทานให้สงฆ์ ให้สิกขาสมมติ.