เมนู

พระบัญญัติ


113. 8. อนึ่ง ภิกษุณีใด ไม่ไปเพื่อโอวาทก็ดี เพื่อธรรม
เป็นเหตุอยู่ร่วมก็ดี เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[357] บทว่า อนึ่ง. . . ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า โอวาท ได้แก่ ครุธรรม 8.
ที่ชื่อว่า ธรรมเป็นเหตุอยู่ร่วม ได้แก่ กรรมที่พึงทำร่วมกัน อุเทศ
ที่พึงสวดร่วมกัน ความเป็นผู้มีสิกขาเสมอกัน.
พอทอดธุระว่า จักไม่ไปเพื่อโอวาทก็ดี เพื่อธรรมเป็นเหตุอยู่ร่วมก็ดี
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[357] ในเมื่ออันตรายมี 1 แสวงหาภิกษุณีเป็นเพื่อนไม่ได้ 1
อาพาธ 1 มีเหตุขัดข้อง 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
อารามวรรค สิกขาบทที่ 4 จบ

อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ 8


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 8 พึงทราบดังนี้:-
ด้วยคำว่า เอกฺกมฺมํ เป็นต้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายถึงอุโบสถ
และปวารณาเท่านั้น. คำที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น. ความพิสดารแห่งสิกขาบทแม้นี้
ก็ได้กล่าวไว้แล้ว ในภิกขุโนวาทกสิกขาบทเหมือนกัน.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐานดุจปฐมปาราชิกสิกขาบท เป็นอกิริยา สัญญา-
วิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา แล.
อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ 8 จบ