เมนู

พระบัญญัติ


112. 7. อนึ่ง ภิกษุณีใด จำพรรษาแล้ว ไม่ปวารณาต่อ
สงฆ์สองฝ่าย ด้วยสถาน 3 คือ ด้วยได้เห็นก็ดี ด้วยได้ยินก็ดี ด้วย
รังเกียจก็ดี เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์


[353] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ. . .
นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า จำพรรษาแล้ว คือ อยู่ตลอดไตรมาสต้น หรือไตรมาส
หลัง.
พอทอดธุระว่า จักไม่ปวารณาต่อสงฆ์สองฝ่าย ด้วยสถาน 3 คือ ด้วย
ได้เห็นก็ดี ด้วยได้ยินก็ดี ด้วยรังเกียจก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[354] ในเมื่ออันตรายมี 1 แสวงหาแล้วไม่ได้ 1 อาพาธ 1 มีเหตุ
ขัดข้อง 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
อารามวรรค สิกขาบทที่ 7 จบ

อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ 7


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 7 พึงทราบดังนี้:-
สองบทว่า ปริเยสิตฺวา น ลภติ คือ (แสวงหาแล้ว) ไม่ได้ภิกษุณี
คำที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น . ความพิสดารแห่งสิกขาบทแม้นี้ ก็ได้กล่าวไว้แล้วใน
ภิกขุโนวาทกสิกขาบทเหมือนกัน.
สิกขาบทนี้ มีการทอดธุระเป็นสมุฏฐาน เป็นอกิริยา สัญญาวิโมกข์
สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา แล.
อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ 7 จบ